กรุงเทพฯ 10 ก.ค. – กรมโรงงานฯ ร่วมกับ กนอ.และอุตสาหกรรมจังหวัด ตรวจสอบแหล่งที่มากากของเสียที่สระแก้ว หากพบทำผิดจริงส่งดำเนินคดี แก้ปัญหาไม่ได้ กนอ.อาจสั่งปิด
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณทิ้งกากของเสีย บ้านหนองแก อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ว่า วันนี้ กรอ. ร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงของโรงงานที่เป็นข่าวภายในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช เพื่อหาข้อสรุปและความชัดเจนในเรื่องของแหล่งที่มากองของเสียที่ตรวจพบในอำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว เพื่อหาผู้รับผิดชอบในการดำเนินการนำกากของเสียดังกล่าวไปดำเนินการกำจัดให้ถูกต้องต่อไป และหากตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าเศษวัสดุดังกล่าวเป็นของบริษัทฯ ใดจะต้องถูกดำเนินคดีข้อหานำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกบริเวณโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้นหากไม่สามารถแก้ปัญหาได้ กนอ.มีอำนาจสั่งปิดกิจการได้ เพราะโรงงานดังกล่าวอยู่ในการดูแลของ กนอ.
อธิบดีกรมโรงงานฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของจังหวัด เพื่อตรวจสอบการขออนุญาตนำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกบริเวณโรงงาน (สก.2) ของ บริษัทฯ เอกชนที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นแหล่งที่มาของกองของเสีย พบการประกอบกิจการเศษเหล็กตัดย่อย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช จ.ชลบุรี มีการขออนุญาตนำเศษพลาสติกออกนอกบริเวณโรงงาน 1,000 ตันไปทำการคัดแยกที่บริษัทรับคัดแยกอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ประกอบกิจการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย และไม่พบว่ามีการได้รับอนุญาตให้นำของเสียไปคัดแยกที่จังหวัดสระแก้วแต่อย่างใด สำหรับขั้นตอนต่อไปเกี่ยวกับการดำเนินการกับกองวัสดุดังกล่าวจะต้องให้เจ้าของเศษวัสดุประสานพนักงานสอบสวนและอัยการจังหวัด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายหรือส่งไปกำจัด
นายทองชัย กล่าวต่อว่า วันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีกองของเสีย เช่น เศษพลาสติก ฟองน้ำ สายไฟ และแผงวงจร ที่ผ่านการบดย่อยจากชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งผู้ดูแลพื้นที่ที่ถูกร้องเรียนแจ้งว่านำของเสียดังกล่าวมาจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช จังหวัดชลบุรี มาทำการคัดแยกบริเวณพื้นที่ของกรมป่าไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหาที่ สภ.วังน้ำเย็น เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม กล่าวหาว่า 1. กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 ฐานกระทำด้วยการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเอง หรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 2. กระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ฐานกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ 3. กระทำผิดตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 มาตรา 16 ฐานห้ามมิให้ผู้ใดประกอบกิจการน้ำบาดาลในเขตน้ำบาดาลใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ์ครอบครองที่ดินในเขตน้ำบาดาลนั้นหรือไม่ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย และเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้วได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำผิดตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 มาตรา 12 ตั้งและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
“มาตรา 12 ให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 ต้องได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาตและต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ แต่หากผู้ประกอบกิจการโรงงานไม่ได้รับใบอนุญาตหรือตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีที่นำสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วออกนอกบริเวณโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีความผิดในมาตรา 8 (5) ซึ่งมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท” นายทองชัย กล่าว
นายทองชัย กล่าวอีกว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้สั่งห้ามนำซากอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน 2561 จนถึงปัจจุบันทาง กรอ.ยังไม่มีการอนุญาตให้มีการนำเข้าแต่อย่างใด ดังนั้นคงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นการลักลอบนำเข้าหรือไม่ หรือเป็นขยะอุตสาหกรรมก่อนที่จะมีประกาศสั่งห้ามนำเข้า.-สำนักข่าวไทย