กินอาหารปรุงสุก ร้อน สะอาด ลดเสี่ยงโรค

กรมอนามัย10 ก.ค.-กรมอนามัย ย้ำการกินอาหารปรุงสุก ร้อน สะอาด ลดเสี่ยงโรค เผยกฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหารช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค


พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีข่าวชาว ต่างชาติ 2 รายที่บอกว่าป่วยด้วยโรคติดต่อทางอาหารและน้ำจากการกินผัดไทยเมื่อครั้งมาเที่ยวในประเทศไทยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานั้น ว่า ผัดไทยที่จำหน่ายจะผ่านการปรุงประกอบด้วยความร้อนมากกว่า 80องศาเซลเซียส ทำให้สามารถฆ่าเชื้อโรคที่มีอยู่ได้แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ


สุขลักษณะของการปรุงประกอบอาหาร ต้องเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพล้างวัตถุดิบและปรุงด้วยความร้อนให้สุกทั่วถึง ใส่ในภาชนะที่สะอาด ไม่ใช้มือหยิบจับโดยตรง ล้างมือก่อนปรุงอาหาร แต่อาจจะมีวัตถุดิบที่มีความเสี่ยงจะปนเปื้อนได้ เช่น ถั่วงอกดิบ ใบกุยช่าย หัวปลี ผักสดอื่นๆ เป็นต้น  

ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายอาหารต้องใส่ใจความสะอาด โดยเฉพาะการล้างผักอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันสารเคมีตกค้างหรือปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค ด้วยวิธีง่ายๆ คือให้ล้างด้วยน้ำไหล แช่ในน้ำนาน 15 นาที จากนั้นเปิดน้ำไหลผ่านและคลี่ใบผักถูไปมานาน2 นาที หรือแช่ในน้ำผสมน้ำส้มสายชู 5 เปอร์เซ็นต์ในอัตราส่วนน้ำส้มสายชู1ช้อนโต๊ะต่อน้ำ4ลิตรแช่นาน15นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดหรือใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต(เบคกิ้งโซดา)ครึ่งช้อนโต๊ะผสมน้ำ10ลิตร แช่ทิ้งไว้15นาที และล้างด้วยน้ำสะอาด และผู้ประกอบกิจการขายอาหารต้องมีความรู้ด้านสุขาภิบาลอาหารปฏิบัติตามสุขลักษณะหมั่นตรวจสอบดูแล ระมัดระวังจุดเสี่ยงต่าง ๆ ที่ทำให้อาหารปนเปื้อน


ส่วนผู้บริโภคควรสังเกตสภาพร้าน การเลือกใช้วัตถุดิบต่างๆและ

สุขลักษณะของคนขาย ซึ่งปัจจุบันการดำเนินงานเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารของประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและการสอบสวนโรค 

พร้อมทั้งได้มีประกาศกฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร พ.ศ.2561เมื่อวันที่31พ.ค.2561ครอบคลุมใน 4 เรื่อง ได้แก่ 1)การควบคุมสุขลักษณะสถานที่ขาย ต้องดูแลให้ถูกต้องตั้งแต่จุดเตรียมอาหารแสงสว่าง ที่ล้างมือ ห้องน้ำ ที่กำจัดขยะและน้ำเสีย 

2)ควบคุมการปรุงประกอบและจำหน่ายอาหารให้ถูกสุขลักษณะ วัตถุดิบ ก็ต้องมีความสด มีการจัดเก็บอย่างดี น้ำดื่มหรือน้ำที่เอามาใช้ทำอาหารก็ต้องสะอาด ส่วนน้ำแข็งที่ใช้กินก็ห้ามเอาหมู เอาผักหรือเอาน้ำอัดลมลงไปแช่ 

3)ควบคุมดูแลภาชนะอุปกรณ์และเครื่องใช้อื่นๆ ให้สะอาดปลอดภัย เช่น จาน ชาม ช้อน ส้อม ห้ามใช้ก๊าซหุงต้ม เมทิลแอลกอฮอล์ หรือเมทานอล เป็นเชื้อเพลิงในการทำประกอบปรุงอาหารบริเวณโต๊ะรับประทานอาหาร รวมทั้งต้องจัดให้มีมาตรการอุปกรณ์หรือเครื่องมือสำหรับป้องกันอัคคีภัยและน้ำใช้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด 

และ 4) ควบคุมผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหารให้มีสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ดี โดยต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรของกรมอนามัย  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่