กรุงเทพฯ 7 ก.ค. – “มงคลกิตติ์” บุกกระทรวงอุตสาหกรรม ยื่นเรื่องร้องเรียนโรงงานกำจัดขยะพิษ จ.สระบุรี ปล่อยน้ำเสีย ส่งกลิ่นเหม็น
นายสุรพล ชามาตย์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการประสานจากนายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่า ได้นำตัวแทนพรรคไทยศรีวิไลย์ และชาวบ้านผู้เดือดร้อนกว่า 15 คน มายื่นหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบโรงงานฝังกลบขยะแห่งหนึ่งในเขตจังหวัดสระบุรี ซึ่งประกอบกิจการก่อเหตุเดือดร้อนเรื่องน้ำเสียและกลิ่นเหม็นให้กับประชาชนบริเวณโดยรอบโรงงานมาหลายปี ซึ่งภายหลังจากรับฟังปัญหาและข้อมูลจากการลงพื้นที่ของคณะนายมงคลกิตติ์ฯ กระทรวงฯ ได้สั่งให้ตั้งคณะทำงาน โดยมีผู้แทน 4 ฝ่าย คือ 1.ภาครัฐ มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข 2.ภาคประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 3.ภาคเอกชน เช่น โรงงาน และ 4.สถาบันการศึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาจากการประกอบกิจการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ของจังหวัด หากพบการกระทำความผิด กระทรวงฯ จะสั่งการตามกฎหมาย พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 อย่างเด็ดขาด และกรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อลงพื้นที่วันที่ 8 กรกฎาคม 2562 เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกประเด็น ส่วนกรณีการลงพื้นที่ของคณะนายมงคลกิตติ์ และทีมงานที่ไม่ได้รับความสะดวกได้มีการสั่งการให้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรีสอบถามโรงงานดังกล่าวเพื่อชี้แจงต่อไป
ด้านนายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนและคณะได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเก็บข้อมูลจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และตรวจโรงงานฯ ซึ่งคณะไม่ได้รับความร่วมมือพบรถบรรทุกจอดขวางทางต้องติดต่อนานกว่าจะได้เข้าโรงงาน จากการสำรวจหลุมฝังกลบขยะพบปัญหากลิ่นเหม็น แหล่งน้ำโดยรอบเน่าเสีย ดังนั้น จึงมายื่นหนังสือถึงกระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมส่งข้อมูลทั้งหมด เพื่อขอให้ตรวจสอบมลภาวะทางอากาศ น้ำผิวดิน-ใต้ดินในพื้นที่รอบโรงงานในรัศมี 5 กิโลเมตร รวมทั้งแหล่งน้ำตามธรรมชาติ โดยเร่งรัดตรวจสอบและแก้ไขปัญหามลภาวะและสิ่งแวดล้อมโดยเร็ว ตลอดจนเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย ดำเนินคดี สั่งหยุดหรือปิดโรงงานหากพบการกระทำผิด
ที่ผ่านมามีชาวบ้านจาก 3 ตำบล คือ ต.หนองปลาไหล ต.กุดนกเปล้า ต.ปากข้าวสาร ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สระบุรี ร้องเรียนบริษัทประกอบกิจการโรงงานกำจัดขยะอุตสาหกรรมและอิเล็กทรอนิกส์ สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนมายาวนานหลายปี โดยมีผู้ร้องเรียนกว่า 300 คน และการประกอบกิจการอาจส่งผลกระทบต่อแม่น้ำป่าสักซึ่งเป็นลุ่มน้ำสำคัญ.-สำนักข่าวไทย