ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 4 ก.ค. – ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผย SET Index เดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 6.8 % มูลค่าซื้อขายสูงกว่า 60,000 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ด้วยมูลค่าซื้อสุทธิสูงสุดในภูมิภาค
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเดือนมิถุนายน 2562 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดที่ 1,730.34 จุด เพิ่มขึ้น 6.8% จากสิ้นเดือนก่อน ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในเอเชีย หากเทียบกับสิ้นปี 2561 ปรับเพิ่มขึ้น 10.6% โดยกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มบริการให้ผลตอบแทนมากกว่า SET Index
ทั้งนี้ มูลค่าซื้อสุทธิของผู้ลงทุนต่างชาติที่สูงที่สุดในเอเชียอยู่ที่ 46,945 ล้านบาท และมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai ในเดือนมิถุนายน 2562 อยู่ที่ 60,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากเดือนก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเมืองภายในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้นและมีแนวโน้มว่านโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแรงสนับสนุนจากปัจจัยภายนอกอันได้แก่ สถานการณ์สงครามการค้าที่มีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น การดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สำหรับ Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 อยู่ที่ระดับ 16.4 เท่า และ 18.6 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.5 เท่า และ 16.0 เท่าตามลำดับ ด้านอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 อยู่ที่ระดับ 2.98% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่อยู่ที่ 2.79%
ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 อยู่ที่ 18 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% จากสิ้นปี 2561 ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของดัชนีและในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 มูลค่าการระดมทุนในตลาดแรก (IPO) อยู่ที่ระดับ 8,529 ล้านบาท ด้านตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 590,647 สัญญา ซึ่งเพิ่มขึ้น 65% จากเดือนก่อน
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) เดือนมิถุนายน 2562 สูงเป็นอันดับ 1 ในเอเชียนั้นมาจากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าขึ้นร้อยละ 3.1 พร้อมแนะนักลงทุนติดตามสถานการณ์ค่าเงิน ทิศทางตลาดหุ้น ตลาดตราสารทุน-ตราสารหนี้ และศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน . – สำนักข่าวไทย