กรุงเทพฯ 2 มิ.ย.- เตรียมฝากขัง 2 โจ๋ ควงลูกซองยิงคู่อริ ย่านรามอินทรา แจ้ง 4 ข้อหาหนัก พร้อมค้านประกัน
จากกรณีเกิดเหตุวัยรุ่นใช้ปืนยาวไล่ยิงคู่อริ ภายในหมู่บ้านเจษฎาวรรณ 2 ซอยรามอินทรา 39 แยก 10 เขตบางเขน กทม. แล้วยังขับรถกระบะทับรถจยย. ก่อนหลบหนีไป โดยกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านสามารถบันทึกภาพไว้ได้ เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. บางเขน เตรียมนำตัวฝากขัง ต่อศาลอาญาในช่วงบ่ายวันนี้ (2 มิ.ย.)
พ.ต.ต.สราวุธ บุตรดี พนักงานสอบสวน สน.บางเขน เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาสองราย คือ นายนันทวัฒชัย (สงวนนามสกุล) หรือ แทน อายุ 18 ปี และ นายภาคภูมิ (สววนนามสกุล) หรือ ภูมิ อายุ 18 ปี ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่คู่อริ โดยทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่าเป็นคนทำจริง ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนอยู่ในอาการเครียด และสำนึกผิด
โดยนายแทนผู้ต้องหาและเป็นต้นเหตุทำให้เกิดเรื่อง บอกว่าสาเหตุที่ต้องมีเรื่องกันเป็นเพราะว่าคู่กรณีกับตัวเองเรียนอยู่สถาบันเดียวกัน และเกิดมองหน้ากันซึ่งเป็นการมองหน้าหาเรื่องตามประสาวัยรุ่น แต่เรื่องไม่ได้จบแค่นั้นทั้งคู่ได้มีการนัดกันออกมาเพื่อเคลียร์กัน หรือนัดมาตีกันที่รามอินทรา 39 แยก 10 นั่นเอง แต่เนื่องจากฝั่งคู่กรณีมีพวกเยอะกว่านายแทนจึงเกรงว่าจะสู้ไม่ไหวจึงไปเรียกเพื่อนให้มาช่วย ก็คือนายภูมิ และมาก่อเหตุกันตามที่ปรากฎในภาพกล้องวงจรปิด
ส่วนนายภาคภูมิ ผู้ต้องหาอีกคน ยอมรับว่า วันที่เกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านกับลูก เมียตามปกติ แต่เพื่อนโทรมาบอกว่ากำลังจะถูกรุมกระทืบ ตนด้วยความรักเพื่อนจึงรีบออกไปช่วยเพื่อน พร้อมกับยืมรถกระบะรุ่นพี่คันสีแดง ออกไปก่อเหตุ พร้อมกับมีอาวุธปืนลูกซองออกไปด้วย แต่นายภูมิรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนคือนายแทนเป็นคนใจร้อน ก็เลยเอาลูกกระสุนออกจากปืน ทำให้ตอนที่นายแทนเหนี่ยวไกลออกไป ปืนจึงยิงไม่ออก ตนก็ยอมรับผิดและขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เจตนาคือไม่ได้จะตั้งใจไปฆ่าไปแกงกัน แค่อยากไปเคลียร์กันให้เข้าใจ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้น ได้แจ้งข้อหาไว้ 4 ข้อหาคือ ร่วมกันพยายามฆ่า มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพา อาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และทำให้เสียทรัพย์ โดยในช่วงบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญา และคัดค้านการประกันตัว .-สำนักข่าวไทย
