พม.15 ธ.ค.-ปลัด พม.กำชับเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือเด็กหญิงวัย 10 ปี ถูกแม่เมาสุรา ทำร้ายทุบตีเป็นประจำ ในย่านคลองเตย พร้อมช่วยเหลือ 2 ครอบครัวผู้ประสบปัญหาทางสังคม ที่จ.ชุมพร และ จ.พระนครศรีอยุธยา
นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ 537/2557-2559 โดยมีผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม
นายไมตรี กล่าวว่า จากกรณีสังคมออนไลน์มีการแชร์ขอความช่วยเหลือเด็กหญิงวัย 10 ขวบ ถูกผู้เป็นแม่ที่มีอาการมึนเมาสุราทำร้ายร่างกายเป็นประจำ โดยเฉพาะถูกแม่ใช้มีดทำครัวฟันเข้าที่หลัง จนทำให้ต้องอาศัยช่วงที่แม่หลับ หนีออกจากบ้านในซอยโรงงานยาสูบ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เพื่อมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดีนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
โดยศูนย์ช่วยเหลือสังคม โทรสายด่วน 1300 ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น.นักสังคมสงเคราะห์ ของศูนย์ช่วยเหลือสังคม โทรสายด่วน 1300 พร้อมเจ้าหน้าที่กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว(สค.) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ สน.ลุมพินี พบว่า เด็กหญิงดังกล่าว ถูกผู้เป็นแม่ที่มีพฤติกรรมติดสุรา ทำร้ายด้วยการกัด มีร่องรอยเขียวช้ำบริเวณฝ่ามือขวา แก้มและใบหูข้างซ้าย หลังมีรอยถูกมีดทำครัวฟัน ความยาวประมาณ 2 ซม.ซึ่งเด็กหญิงอาศัยอยู่กับแม่ 2 คน และเด็กหญิงได้แจ้งว่า ผู้เป็นแม่เป็นโรคประสาท เคยรับยาที่ รพ.แต่ปัจจุบันไม่ได้รับประทานยาต่อเนื่อง เมื่อเมาสุรามักทำร้ายร่างกาย
จากนั้น ได้ให้ความช่วยเหลือเด็กหญิงดังกล่าวในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และนำไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ อีกทั้งได้นำเด็กเข้ารับการคุ้มครองดูแลสวัสดิภาพตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ณ บ้านพักเด็กและครอบครัว กรุงเทพมหานคร กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) และเร่งฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจอย่างใกล้ชิด รวมทั้งวางแผนให้ความช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป
ปลัด พม.ยังกล่าวถึงกรณีหญิงวัย 38 ปี ถูกคนร้ายสาดน้ำกรดใส่ ทำให้ทั้งใบหน้าเสียโฉม ตาบอดทั้ง2ข้างและมีบาดแผลขนาดใหญ่จากฤทธิ์ของน้ำกรดทั่วร่างกาย ได้สร้างความทุกข์ทรมานอย่างมาก อาศัยอยู่กับผู้เป็นแม่ วัย 58 ปี ที่ป่วยเป็นโรคลมชัก ไม่สามารถทำงานได้ ด้านสามีขอเลิกราและพาลูกอีก 2 คนหนีไปซึ่งทั้ง 2ชีวิต อาศัยเพียงเงินเบี้ย ความพิการ เดือนละ800 บาท ใช้ประทังชีวิตที่จังหวัดชุมพรและกรณีหญิงชราวัย 63 ปี ต้องรับภาระเพียงลำพังเลี้ยงดู ลูกสาววัย 37 ปี ที่ป่วยเป็นออทิสติก และหลานสาววัย 13 ปี ที่มีปัญหาไม่ยอมสื่อสารกับคนอื่น ซึ่งทั้ง 3 ชีวิต อาศัยในห้องเช่าไม้ที่คับแคบ สภาพเก่าทรุดโทรม อาศัยเก็บของเก่าขายหาเงินเพื่อประทังชีวิต มีรายได้เพียงวันละ 50-60 บาท ครอบครัวมีฐานะยากจน ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นั้น ว่า ได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ทั้ง 2 จังหวัด(พมจ.ชุมพร และพระนครศรีอยุธยา) และหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เยี่ยมทั้ง 2 ครอบครัวเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมทั้งประสานหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ช่วยเหลือดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาลอาการป่วยอย่างต่อเนื่อง และเรื่องการพัฒนาความเป็นอยู่ของครอบครัว โดยเฉพาะการส่งเสริมการประกอบอาชีพในการสร้างรายได้ที่มั่นคงเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวต่อไป.-สำนักข่าวไทย