สธ. 27 มิ.ย. – สธ.เร่งรัดคัดกรอง ค้นหา ตรวจและรักษาผู้ป่วยวัณโรคในประชากรกลุ่มเสี่ยง ยุติปัญหาวัณโรคของประเทศ แนะประชาชน หากมีอาการไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์ น้ำหนักลด เบื่ออาหาร เหงื่อออกกลางคืน หรืออยู่ร่วมบ้านกับผู้ป่วยวัณโรค โดยเฉพาะเด็ก ให้ไปรับการตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน กินยาต่อเนื่อง รักษาหายขาด
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายในการค้นหาคัดกรอง ป้องกัน ดูแลรักษาและควบคุมวัณโรค เพื่อยุติปัญหาวัณโรคของประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ในปี2560-2561คัดกรองค้นหาในกลุ่มเสี่ยงประมาณ 5 ล้านคน อาทิ ผู้ต้องขัง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้สัมผัสร่วมบ้าน ผู้สูงอายุที่มีโรค ผู้ป่วยเบาหวาน แรงงานข้ามชาติ บุคลากรสาธารณสุข พบผู้ป่วยวัณโรค 22,784 ราย และส่งต่อป่วยเข้าสู่ระบบการรักษา
สำหรับในปี 2562 ตั้งเป้าหมายลดผู้ป่วยรายใหม่ให้เหลือ 88 คนต่อแสนประชากรในปี 2564 จากที่พบ 156 คนต่อแสนประชากรในปี 2560
“ขอให้ประชาชนสังเกตอาการตนเองและคนในครอบครัว หากมีอาการไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์ น้ำหนักลด เบื่ออาหาร เหงื่อออกกลางคืน หรืออยู่ร่วมบ้านกับผู้ป่วยวัณโรค โดยเฉพาะเด็ก ให้ไปรับการตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หากป่วยจะได้รับการรักษาซึ่งโรคนี้มียารักษาหายขาด จะได้ผลดีถ้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกและต้องกินยาอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน ร่วมกับการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีโปรตีนและวิตามิน เพิ่มภูมิต้านทานร่างกาย” นพ.สุขุมกล่าว
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัณโรค เป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า ไมโคแบคทีเรียม ทูเบอร์คูโลซิส (Mycobacterium tuberculosis) ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 80 เกิดที่ปอด และสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น เยื่อหุ้มสมอง ต่อมน้ำเหลือง กระดูก เป็นต้น กลุ่มที่รับเชื้อได้ง่ายคือเด็ก จะรับเชื้อจากผู้ใหญ่ที่เป็นวัณโรคระยะแพร่เชื้อ โดยเชื้อจะออกมากับการไอ จาม ในห้องที่ทึบอับแสงเชื้อวัณโรคอาจมีชีวิตอยู่ได้ถึง 1 สัปดาห์ ถ้าเสมหะที่มีเชื้อลงสู่พื้นที่ไม่มีแสงแดด เชื้ออาจอยู่ในเสมหะแห้งได้นานถึง 6 เดือน แพร่กระจายอยู่ในอากาศและเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ
ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ จะทราบว่าติดเชื้อวัณโรคได้จากการตรวจเสมหะ โดยการทดสอบทูเบอร์คิวลินจะให้ผลบวก ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเคยติดเชื้อตอนเป็นเด็ก ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการของโรค ได้แก่ การสัมผัสกับผู้ติดเชื้อทำให้ได้รับเชื้อเพิ่มขึ้น ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยเฉพาะการติดเชื้อ HIV ผู้ติดยาเสพติดและโรคขาดอาหาร โดยประเทศไทยฉีดวัคซีน BCG ให้เด็กทุกคนตั้งแต่แรกเกิดตามคำ แนะนำองค์การอนามัยโลก ซึ่งมีผลชัดเจนในการป้องกันวัณโรคชนิดรุนแรงแบบแพร่กระจาย และวัณโรคเยื่อหุ้มสมอง
ทั้งนี้ สถานการณ์วัณโรคในประเทศไทย พบผู้ป่วย 108,000 รายต่อปี เสียชีวิต 12,000 ราย.-สำนักข่าวไทย