ทำเนียบฯ 25 มิ.ย.-นายกฯ ยืนยันได้รัฐบาลใหม่กลางเดือนกรกฎาคมนี้แน่นอน ระบุขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบตามขั้นตอน ไม่กังวลถูกกดดันจากพรรคร่วมฯ เชื่อพูดคุยกันได้ ขอให้ตั้งใจทำงาน อย่าคิดล้มรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่รัฐมนตรี โดยได้เริ่มกรอกประวัติส่วนตัวแล้ว และเมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว จะเชิญมาลงลายมือรับรองตนเองอีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่าจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ตามขั้นตอนและทันเวลา และจะได้รัฐบาลใหม่กลางเดือนกรกฎาคมอย่างแน่นอน
ส่วนรายชื่อรัฐมนตรีจะเป็นไปตามที่พรรคการเมืองเสนอมาหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็มีหลุดโผบ้าง เนื่องจากมีเพียง 36 ตำแหน่ง จึงต้องจัดให้ลงตัว
“มันก็คงมีบ้างมั้ง ก็มีอยู่ 36 ตำแหน่งนั่นแหละ ถ้าจะได้เพิ่มมาตรงนี้ มันก็ 36 อยู่ในนี้ รัฐมนตรีหลักถ้ามีการควบ ก็มาเป็นรัฐมนตรีช่วย ยอดมี 36 อาจจะมีคนมากกว่านั้น เพราะว่าซ้ำ 3 คนหรือเปล่า ผมก็ต้องไปดู” นายกยรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า หากใครไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ก็ยังคงเป็น ส.ส. ที่ต้องทำงานร่วมกัน เพื่อให้ประเทศเดินหน้า และขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานตามหน้าที่ อย่ามีความคิดที่จะล้มรัฐบาล ขณะเดียวกันพรรคร่วมรัฐบาลจะเข้าใจตนหรือไม่นั้น ไม่กังวล เพราะทำงานมา 5 ปีแล้ว โดยยึดหลักการและกฏหมาย พร้อมเชื่อว่าทุกอย่างสามารถพูดคุยและทำความเข้าใจกันได้กับพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนแรงกดดันต่าง ๆ นั้น มองว่าไม่ควรกดดันกัน แต่ทำควรเข้าใจซึ่งกันเพื่อเดินหน้าประเทศ ซึ่งตนมีคณะทำงานกลั่นกรองแผนงานและกำหนดนโยบาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ยังไม่ได้แต่งตั้งให้นายดิสทัต โหตระกิตย์ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ แต่ในฐานะเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ระหว่างนี้ได้มอบหมายให้ช่วยทำงานไปก่อน
ส่วนการตัดสินใจว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ด้วยหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะเป็นหรือไม่เป็นหัวหน้าพรรค ก็สามารถทำงานได้ พร้อมย้อนถามกลับว่า “การตัดสินใจเรื่องนี้ จะมีผลกระทบกับใครหรืออย่างไร”
ส่วนกรณีที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ไม่ถูกสั่งฟ้องในคดีเกิดเหตุระหว่างประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อปี 2552 เนื่องจากอัยการนำตัวมาฟ้องไม่ทัน คดีจึงขาดอายุความนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยยืนยันไม่ได้เป็นเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน เพราะเรื่องนี้ไม่สามารถตอบแทนกันได้ และหากตนเลือกตอบแทนคนบางคน จะอยู่ทำงานได้อย่างไร ดังนั้นย้ำว่าไม่ว่าจากพรรคไหน ตนก็ไม่สามารถตอบแทนหรือมีข้อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ได้ อีกทั้งตนไม่ใช่ศาลที่จะไปสั่งลดคดีความให้ใครได้ ตลอดจนคดีดังกล่าวไม่ใช่คำสั่งตามมาตรา 44 ด้วย และเชื่อว่าอัยการจะสามารถชี้แจงรายละเอียดเรื่องนี้ได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีตรวจสอบการถือครองหุ้นสื่อของ ส.ส. และ ส.ว.ว่า ขณะนี้มีการยื่นตรวจสอบ ทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว. ซึ่งเรื่องนี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องนำเข้าพิจารณาในสภาฯ และจากนั้นส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญตีความ
“ผมไม่มีความกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งทุกอย่างจะค่อย ๆ มีข้อมูลออกมา ก็ต้องแก้ไขไปตามขั้นตอนของกฏหมาย และขอให้เชื่อมั่นคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งจะถือเป็นคำวินิจฉัยเฉพาะบุคคล ไม่ได้ถือเป็นบรรทัดฐานสำหรับกรณีอื่น ๆ โดยผลจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ไม่ทราบ และหากผิด ก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ไม่ทราบกระแสข่าวดังกล่าวมาจากไหน และใครเป็นผู้ปล่อยข่าว ซึ่งยืนยันว่าไม่มีคำสั่งย้ายกลับ และที่ผ่านมาเป็นการย้ายเพื่อความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นเรื่องนี้จบแล้ว ไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรอีก.-สำนักข่าวไทย