ชัยภูมิ 18 มิ.ย.-ตร.ชัยภูมิตามรวบทันควัน นายช่างอบต.ดัง ควบ จยย. ไล่ยิงเด็กแว้นขณะออกมาแข่งรถดับอนาถ สารภาพสุดทนแก๊งเด็กแว้นแข่งรถทุกคืนชาวบ้านไม่ได้หลับไม่ได้นอน
วันนี้เวลา 11.30 น. สภ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันตายที่บริเวณบนถนนสาย 201 ระหว่างหลักกม.ที่18-19 ริมถนนสายชัยภูมิสีคิ้ว ปากทางเข้าบ้านโคกแพงพวย ระหาร อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย ทราบชื่อภายหลังชื่อนายศราวุธ สอนกอก อายุ 25 ปี ถูกยิงด้วยปืนไม่ทราบชนิดเข้าบริเวณขมับขวา ทะลุท้ายทอยซ้าย นอนจมกองเลือด สวมเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงลายขาสั้น ข้างกันพบรถจยย.ยี่ห้อฮอนด้าดรีม สีส้ม-ขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนสภาพแต่งซิ่ง ซึ่งเป็นรถของผู้เสียชีวิตจอดอยู่ในที่เกิดเหตุ
ต่อมาพล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชัยภูมิ ได้รับรายงานจึงเดินทางไป ร่วมทำการชันสูตรพลิกศพและร่วมสอบสวนพยานในเบื้องต้นว่าผู้ตายพร้อมกับพวกรวม 6 คน ขี่รถจักรยานยนต์มา จำนวน 5 คัน ออกเดินทางจากบ้านพักที่หมู่บ้านหนองไผ่ล้อม ต.หนองบัวใหญ่ อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ เพื่อมายังจุดนัดพบที่ ระหว่างกม.18-19 ปากทางเข้าหมู่บ้านโคกแพงพวย ต.ระหาร เพื่อมาทำการแข่งรถจยย.ซิ่งประรองความเร็ว กันบนถนนสายดังกล่าวและขณะที่พวกตนขับรถจักรยานยนต์มาถึงหน้าปั๊มน้ำมัน ใกล้กับหมู่บ้านโคกแพงพวยได้ถูกชายแปลกหน้าไม่ทราบชื่อขับรถเก๋ง มาประกบและยิงปืนเข้าใส่ พวกตนต่างพากันทิ้งรถวิ่งหลบหนีกันแตกกระเจิง ส่วนนายศราวุธ สอนกอก ผู้เสียชีวิตได้ขับรถหนีออกจากที่เกิดเหตุมาจอดรอเพื่อนๆอยู่ที่บริเวณท้ายหมู่บ้านโคกแพงพวย ขณะเดียวกันได้พบว่ากลุ่มชายแปลกหน้าดังกล่าวได้ขับรถจักรยานยนต์และรถเก๋ง ตามมาทันที่บริเวณหลักกม.ที่18-19 และคนร้ายที่เป็นคนซ้อนท้ายรถจักรยายนต์ ได้ลงจากรถแล้วควักปืนเดินออกมายิงใส่นายศราวุธ สอนกอก จนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และได้ขับรถเก๋งหลบหนีหายไปในความมืด
ต่อมาผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิสั่งการระดมชุดสืบสวน ออกติดตามแกะรอยไล่ล่าผู้ประกอบเหตุรายนี้มาดำเนินคดีจนได้อย่างรวดเร็ว และจากการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามปั๊มน้ำมันจนทราบว่าผู้ก่อเหตุรายนี้คือคือ นายอภิเชษฐ์ ทาสิมมา อายุ 29 ปี (มือยิง) และนายธนพล จันทร์น้ำใส อายุ 25ปี คนขับรถจักรยานยนต์ เป็นเจ้าหน้าที่นายช่างอยู่ อบต.ละหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังไปติดตามจับกุมตัวมาสอบสวนทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงผู้ตายเพราะความสุดทนที่กลุ่มวัยรุ่น เด็กแว้นดังกล่าวจากบ้านหนองบัวใหญ่ ต.หนองบัวใหญ่ อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ จะมาพากันออกมารวมตัวกันแข่งรถซิ่งประลองความเร็วเสียงดังทุกวันผ่านหน้าบ้านตนช่วงหมู่บ้านโคกแพงพวย เขตอำเภอจัตุรัส อยู่เป็นประจำจนสร้างความเดือดร้อนลำคาญให้กับชาวบ้านและพวกตนจนไม่เป็นอันหลับอันนอนจนสุดที่จะทนได้ เนื่องจากในวันดังกล่าวลูกตนเองไม่สบาย เคยพูดเคยบอกเคยเตือนกับกลุ่มเด็กแว้นกลุ่มนี้หลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังเหมือนเดิม
นายอภิเชษฐ์ ทาสิมมา อายุ 29 ปี (มือยิง) จึงได้ชวน นายธนพล จันทร์น้ำใส อายุ 25 ปี เพื่อนทำงานที่เดียวกัน ออกมาดักรอกลุ่มเด็กแว้นดังกล่าวที่บริเวณหน้าปั้มน้ำมันท้ายหมู่บ้านโคกแพงพวย ขณะนั้นเห็นกลุ่มเด็กแว้นพากันมาเติมน้ำมัน ตนจึงได้ยิงปืนเข้าใส่ จนกลุ่มเด็กแว้นต่างพากันวิ่งหนีและขับรถหลบหนีกันแตกกระเจิง หลังจากนั้นตนจึงได้ขับรถ จักรยายนต์ของกลุ่มเด็กแว้นที่ทิ้งไว้ติดตามกลุ่มเด็กแว้น ไปทั้นที่บริเวณ กม.ที่18-19 ที่เกิดเหตุและได้ใช้ปืนจ่อยิง ถูกเด็กแว้นรายหนึ่งเข้าบริเวณขมับขวา ทะลุท้ายทอยซ้ายมันสมองกกระจาย นอนจมกองเลือด ทราบชื่อภายหลังชื่อนายศราวุธ สอนกอก และถูกจับกุมได้ในเวลาต่อมา
วันนี้ นายณรงค์ วุ่นซิ่ว ผวจ.ชัยภูมิ พร้อม พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชัยภูมิ ได้เดินทางมาร่วมทำแผนประกอบคำรับสารภาพในบริเวณที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายอภิเชษฐ์ ทาสิมมา เจ้าหน้าที่ อบต.ละหาร และนายธนพล จันทร์น้ำใส คนขับรถจักรยานยนต์ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในบริเวณที่เกิดเหตุท่ามกลางประชาชนให้ความสนใจมามุงดูกันจำนวนมาก หลังจากที่เจ้าหน้าที่นำตัวทั้ง 2 คน มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตให้นำอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะ และยิงปืน
ขณะที่พลต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิกล่าวว่า การเกิดเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากผู้ต้องหาเกิดความไม่พอใจและเกิดความรำคาญกับกลุ่มวัยรุ่นซึ่งจะรวมตัวกันมาจับกลุ่มแข่งรถในถนนสายนี้ จนเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น จึงฝากไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองซึ่งมีบุตรหลาน อยู่ในกลุ่มเสี่ยงกลุ่มแต่งรถกลุ่มดังกล่าวนี้ ให้มีการตักเตือนกล่าวสอนอย่างจริงจังและทางเจ้าหน้าที่จะมีการวางมาตรการเพื่อปราบปรามหรือกวาดล้างกลุ่มแว้นที่สร้างปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนต่อไปอย่างเด็ดขาดอีกต่อไปด้วย.-สำนักข่าวไทย