17 มิ.ย.-“ปราสาทสายฟ้า” บุกไปเชือด “สิงห์เจ้าท่า” ยึดบัลลังก์จ่าฝูง ส่วนทีม “ชบาแก้ว” สร้างประวัติศาสตร์ ยิงประตูทีมคู่แข่งที่อันดับโลกเหนือกว่าได้เป็นครั้งแรก
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก กลับมาเตะกันอีกครั้ง หลังจากหยุดพักแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ซึ่งคู่บิ๊กแมตซ์เมื่อวานนี้อยู่ที่สนามแพทสเตเดี้ยม เป็นการแย่งจ่าฝูง ระหว่างการท่าเรือ กับบุรีรัมย์ ส่วนฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 ทีมชบาแก้ว แพ้ สวีเดน แต่มีเรื่องน่าราวน่าสนใจหลายเรื่อง
เริ่มกันก่อนเกมฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก คู่บิ๊กแมตซ์ ระหว่าง “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ทีมจ่าฝูง พบกับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ที่อยู่ประเทศฝรั่งเศสกับทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันศุกร์ ถึงคุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมรูปภาพมาดามแป้ง ยื่น 2 มือไปจับมือคุณเนวิน ว่า “พักเบรคค่ะ ตอนนี้แป้งอยู่ฝรั่งเศส เพื่อรอบอลหญิงแข่งกับสวีเดน วันที่ 16 นี้ ซึ่งวันเดียวกัน หนึ่งทุ่ม ท่าเรือจะเปิดบ้านพบกับทีมบุรีรัมย์ พี่เนค่ะ “หนูดุนะ พี่ไหวเหรอพร้อมรูปโมจิหน้ายิ้ม” พร้อมแท็ก# สายตาพี่เนดูอ่อนโยน ซึ่งมีแฟนเพจไปกดไลค์และกดแชร์ และคอมเม้นต์ข้อความเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไปการโพสต์ที่น่ารัก แม้ว่าตัวจะไม่อยู่แต่เล่นจิตวิทยาข้ามประเทศก่อนเกม
โดยเกมไทยลีกเมื่อวานนี้คู่บิ๊กแมตซ์ “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ทีมจ่าฝูง ที่มี 28 คะแนน พบกับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มี 26 คะแนน ซึ่งเกมนี้หากบุรีรัมย์ บุกมาชนะจะแซงการท่าเรือขึ้นนำจ่าฝูง โดยบรรยากาสในสนามคึกคักแม้ว่าทีมเจ้าถิ่นจะไม่มี “มาดามแป้ง” แต่มีแฟนบอลเข้ามาชมเต็มความจุสนาม 5,000 คน เริ่มเกมแค่ 3 นาที บุรีรัมย์ ขึ้นนำเร็ว 1-0 จากจุดโทษของ อันเดรส ตูเนซ ครึ่งหลัง การท่าเรือ ตีตามเสมอได้เร็วเช่นกันจากการโหม่งของ เซร์คิโอ ซัวเรซ นาทีที่ 48 แต่ บุรีรัมย์ มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจาก เปโดร นาทีที่ 55 และนาที 63 ชิติพัทธ์ แทนกลาง มาทำประตูย้ำชัยชนะ ให้ บุรีรัมย์ บุกมาชนะ การท่าเรือ 3-1 มีเพิ่มเป็น 29 คะแนน แซง การท่าเรือ ที่นำเป็นจ่าฝูงอยู่หลายเดือน ขึ้นไปนำจ่าฝูงแทน โดยบุรีรัมย์ แข่ง 14 นัด มี 29 คะแนน นำการท่าเรือ ทีมอันดับ 2.อยู่ 1 คะแนน ซึ่งการท่าเรือมี 28 คะแนน ส่วนอันดับ 3 เป็น ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด มี 25 คะแนนเท่ากับอันดับ 4 สมุทรปราการ ซิตี้ แต่ประตูได้เสียดีกว่า และอัน 5 ตราด ทีมน้องใหม่ มี 23 คะแนน
ขณะที่อีกคู่ซึ่งถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน เนื่องจากเป็นบอลเปลี่ยนโค้ชทั้ง 2 ทีม “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี เจ้าถิ่น ทีมอันดับ 11 พบกับ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 15 อยู่รองบ๊วย ที่เปลี่ยนโค้ชมาเป็นอเล็กซานเดร กาม่า อดีตกุนซือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, เชียงราย ยูไนเต็ด และทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี เกมนี้ “ฉลามชล” ขึ้นนำก่อน 1-0 จากลูกยิงไกลสุดสวยของกฤษดา กาแมน นาทีที่ 27 จากนั้น ภานุพงศ์ พลซา มาทำประตูปิดท้ายนาทีที่ 74 ให้ชลบุรี มี 18 แต้ม ขึ้นไปอยู่ที่ 8 ส่วน เมืองทอง มี 11 แต้ม หล่นไปอยู่ท้ายของตารางคะแนน
โดยเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แข่ง 14 นัด มี 11 คะแนน ร่วงไปอยู่อันดับสุดท้ายตารางคะแนนอีกครั้ง โดยมีคะแนนเท่ากับสุพรรณบุรี เอฟซี ทีมอันดับ 15 แต่ประตูได้เสียสุพรรณบุรีดีกว่า 1 ประตู ซึ่งสถานการณ์ของเมืองทองยังย่ำแย่ต่อเนื่องในรอบหลายสิบปี ต้องลุ้นว่าทีมจะกลับมาท็อปฟอร์มเมื่อไหร่ ส่วนเปิดตลาดซื้อขายนักเตะในรอบ 2 วันที่ 24 มิถุนายนนี้ จะมีการซื้อขายฮืออา และน่าสนใจหรือไหม
ด้านฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกเมื่อคืนทีมชบาแก้ว แพ้สวีเดน 1-5 “มาดามแป้ง” ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ได้เปิดเผยหลังจบเกมทั้งน้ำตาว่า เป็นครั้งแรกในฟุตบอลโลกที่ไทยยิงประตูทีมที่อันดับโลกสูงกว่า ลูกยิงของ กาญจนา สังข์เงิน นับเป็นประตูประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทย ถือเป็นความภาคภูมิใจของนักกีฬาไทยทุกคน นอกจากนี้ “มาดามแป้ง” ได้กล่าวอีกว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระดำรัสให้กำลังใจนักกีฬา โดยพระองค์ทรงวิดีโอคอลมายังห้องแต่งตัวนักกีฬาก่อนเริ่มเกม อีกทั้งหลังจบเกมพระองค์ทรงต่อสายมาพระราชทานกำลังใจให้นักเตะอีกด้วย
ขณะที่ “เนตร” กาญจนา สังข์เงิน กัปตันทีมผู้ทำประตูให้ทีมไทย เผยว่า ดีใจมากที่สามารถทำประตูในฟุตบอลโลกได้สำเร็จ สำหรับทีมสาวไทย แข่ง 2 นัดยังไม่มีคะแนน เสียไป18 ประตู ได้ 1 ประตู นัดสุดท้ายพบกับชิลี คืนวันที่ 20 มิถุนายนนี้ ที่แพ้มา 2 นัดเช่นกัน แต่ถ้าจะลุ้นเข้ารอบทั้ง 2 ทีมต้องชนะให้ได้ และไปลุ้นสถานการณ์ในกลุ่มอื่น ๆ ว่าทีมใดมีคะแนนอันดับ 3 ดีที่สุด ใน 4 ทีมแรกจะได้ผ่านเข้ารอบ 2 ต่อไป .-สำนักข่าวไทย