“ธนาธร-พงศ์เทพ” พร้อมตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้น

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 14 มิ.ย.-รัฐศาสตร์ มธ. จัดเสวนา “ทิศทางการเมืองไทยภายใต้รัฐบาลใหม่”  โดยตัวแทนพรรคฝ่ายค้านเห็นพ้อง แม้หมด คสช. แต่ยังมีร่างทรงทำงานต่อ ระบุจะเดินหน้าตรวจสอบการทำงานอย่างเข้มข้น ด้านฝ่ายรัฐบาลขอทุกฝ่ายเปิดโอกาสให้ผู้เห็นต่างแสดงความคิดเห็น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงาน 70 ปี สถาปนา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “วิชาการเพื่อราษฎร์ ศาสตร์เพื่อประชาธิปไตย” โดยมีการจัดงานเสวนาในหัวข้อ “ทิศทางการเมืองไทยภายใต้รัฐบาลใหม่ การเมืองของความหวัง หรือ จุดเริ่มต้นของวิกฤตครั้งต่อไป” โดยมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  , นางพงศ์เทพ เทพกาญจนา แกนนำพรรคเพื่อไทย , นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และ นายโกวิย์ พวงงาม สมาชิกพรรคพลังท้องถิ่นไทย ร่วมเสวนา

นายธนาธร กล่าวว่า สิ่งที่เราเป็นอยู่ไม่ใช่วิกฤติครั้งใหม่ แต่เป็นวิกฤติเดิมที่มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 เป็นวิกฤติเดียวกันตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ซึ่งใจกลางปัญหา ไม่ได้อยู่ที่บุคลิกหน้าตา หรือท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่อยู่ที่อำนาจในประเทศนี้เป็นของใคร  20 ปีที่ผ่านมา เรามีรัฐธรรมนูญ 5 ฉบับ เป็นการบอกว่าเราตกลงกันไม่ได้ว่าอำนาจของประเทศอยู่ที่ใคร  มีฝั่งหนึ่งยืนยันหนักแน่นว่าอำนาจของประเทศนี้เป็นของประชาชน ขณะที่อีกฝั่งมีผู้สนับสนุนน้อยกว่า แต่เชื่อว่าอำนาจในประเทศนี้เป็นของอภิสิทธิชน เพียงไม่กี่คน แต่คนกลุ่มนี้มีอำนาจปืน มีรถถัง ถือตราชั่งทางกฎหมาย นี่คือปัญหาใจกลางของสังคมไทยที่ยังแก้ไม่ได้


“นี่คือการเข้าสู่เฟสใหม่ระหว่าง 2 ชุดความคิด สมรภูมิความคิดเป็นสมรภูมิเดิม แต่สมรภูมิทางการเมืองเปลี่ยนไป โดยไม่มีองค์กรที่ชื่อว่า คสช.จากการที่มีรัฐบาลใหม่ แต่ระบอบคสช.จะยังอยู่กับเรา และ 2 วันที่ผ่านมา มีการเคลื่อนตัวทางความคิดขนาดใหญ่ของสังคม จากอนุรักษนิยม มาฝั่งที่เชื่อว่าอำนาจเป็นของประชาชน เห็นได้จากพานไหว้ครู ซึ่งน่าเหลือเชื่อมากว่าการตื่นตัวทางสังคมและการเมือง ถูกปลุกขึ้นแล้ว โอกาสที่ตัดมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ ผมนึกไม่ออกเลยว่าฝ่ายที่เชื่อว่าอำนาจมาจากประชาชนจะแพ้ได้อย่างไร ทุกปีมีคนบรรลุนิติภาวะปีละ 700,000 คน ซึ่งพวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่เขาเห็นคืออะไร และได้แสดงออกมาแล้ว” นายธนาธร กล่าว

ด้าน นายพงศ์เทพ กล่าวว่า เมื่อจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้วเสร็จ ม.44 จะหมดไป แม้ คสช.จะหมดไปแล้ว แต่ร่างทรงและวิญญาณของ คสช.ยังอยู่ และพรรคเพื่อไทย อนาคตใหม่ จะตรวจสอบร่างทรง คสช.อย่างเข้มข้น ที่ผ่านมาเรามีข้อสงสัยไปพึ่งองค์กรอิสระก็ไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ในสภาฯ ข้อสงสัยของประชาชนจะได้รับการเปิดเผย ผ่านการตั้งกระทู้ทุกสัปดาห์ 

“ความยุติธรรมไม่มี ความสามัคคีไม่เกิด ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดสองมาตรฐานทั้งในองค์กรอิสระและองค์กรตุลาการ ถ้ามีมาตรฐานเดียวรับรองว่าความขัดแย้งไม่เกิด อนาคตของสังคมไทย ภายใต้รัฐบาลผสม 19 พรรค แค่จัดทำนโยบายก็น่าเป็นห่วงแล้ว การทำงานต้องดูว่าจะมีเอกภาพหรือไม่” นายพงศ์เทพ กล่าว


ขณะที่นายโกวิทย์ กล่าวว่า การทำให้ประเทศเดินหน้า ต้องทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นได้ ซึ่งการเดินหน้าไปสู่ความหวังหรือวิกฤตินั้น ต้องพิจารณาในหลายปัจจัย โดยเฉพาะเสียงสนับสนุนแต่ละฝ่ายในสภาฯ และการยอมรับความเห็นที่แตกต่างกัน , หน้าตาของคณะรัฐมนตรี ตามบุคคลที่ถูกเสนอนั้น จะได้รับการยอมรับและเชื่อถือจากประชาชนหรือไม่ โดยเฉพาะฝีมือในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ รวมถึงความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เห็นประโยชน์พรรคหรือตัวบุคคล ในลักษณะที่หลายฝ่ายมองว่าคือการถอนทุนคืน นอกจากนั้นคือนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะเรียกศรัทธากับประชาชนได้หรือไม่ ส่วนตัวมองว่าทางออกของวิกฤติการเมือง คือ นักการเมืองต้องร่วมมือทำงานในสภา 

“พรรคพลังท้องถิ่นไทพร้อมสนับสนุนทุกฝ่าย ทุกพรรค ต่อการผลักดันการแก้ปัญหา อาทิ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ลดการผูกขาดอำนาจรวมศูนย์ เพื่อทำให้การเมืองเป็นความหวัง แต่หากการเมืองจะเป็นวิกฤติ คือ ไม่สามารถผลักดันการแกัปัญหาเชิงนโยบายได้ ส่วนจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกประชาชนหรือไม่ ต้องพิจารณาผลระยะยาว อยากบอกนายกฯ เหมือนกันว่าต้องมีเรื่องกระจายอำนาจเขียนไว้ในนโยบายกระจายอำนาจร่วมด้วย และต้องให้ประชาชนมีโอกาสตรวจสอบรัฐบาลได้ด้วย เพื่อให้เป็นนายกฯ ในระบอบประชาธิปไตย วางท่าทีที่ตรงกับความเป็นประชาธิปไตย” นายโกวิทย์ กล่าว

นายนายวิเชียร กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่เกิดขั้นมาได้เพียง 6-7 เดือนก่อนการเลือกตั้ง โดยมีความมุ่งหมายที่เกี่ยวเนื่องกับทิศทางการเมือง ประเทศไทยเป็นประเทศที่แปลก ทั้งที่มีประชาธิปไตยตั้งแต่ปี 2475 นำมาสู่การเลือกตั้ง การปฏิวัติ วนเวียนอยู่เช่นนี้ ที่สำคัญคือปี 2516 หลังมีการปฏิวัติ เรามีความรู้สึกว่า มันคือความหวังอันรุ่งโรจน์ และเป็นความเฟื่องฟูของประชาธิปไตย แต่เวลานี้หลังจากที่หยุดไป 5 ปีหลังจากการเลือกตั้ง กลับมีความรู้สึกเฟื่องฟูอีกครั้ง ขณะที่รัฐธรรมนูญปี 2560 นั้นไม่ได้ให้สิทธิสภาฯ หรือประชาชนมีอำนาจเหมือนปี 2540 แต่มีทั้งสภาฯ และองค์กรอิสระ ที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ เป็นลูกผสมกับระบอบประธานาธิบดีไปในตัว

นายวิเชียร กล่าวอีกว่า ผลการเลือกตั้งออกมา พรรคพลังประชารัฐได้ 9 ล้านกว่าเสียง มีเพียง 5 พรรคเท่านั้นที่เกิน 1 ล้านเสียง 9 พรรคเกินแสนคะแนน แต่ไม่ถึงล้านคะแนน และมี 62 พรรคที่ได้คะแนนในการเลือกตั้ง แต่บรรยากาศการเมืองที่น่ากลัวเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องผลการเลือกตั้ง คะแนนปริ่มน้ำ เท่ากับการโจมตีกล่าวหา แต่บรรยาการทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้ดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะพูดใส่ร้ายกันน้อยที่สุด หลังจากนี้เป็นเรื่องของการต่อสู้กันในสภาฯ และคิดว่าสิ่งที่จะดีต่อระบบประชาธิปไตยคือการเปิดโอกาสให้ผู้ที่คิดต่างได้แสดงความคิดเห็น เรื่องความขัดแย้งไม่ได้มาจากแค่เรื่องการเมืองเท่านั้น แต่มาจากชีวิตและสังคมของคนไทย ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ดี หากเรายังมีนายทุนที่เข้าถึงทรัพยากรได้มากกว่า การที่เกิดมาไม่ได้มีทุนเหมือนคนอื่น ย่อมก่อให้เกิดความคับแค้น และความเหลื่อมล้ำ ซึ่งสิ่งนี้คือต้นเหตุแห่งปัญหาที่นำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อพยพด่วน! พนังกั้นน้ำแตกทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

เพชรบูรณ์ 20 ก.ย. – พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงและอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย มีรายงานว่า พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ฝั่งถนนพิทักษ์ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก รอบที่ 2 กู้ชีพกู้ภัย รถพยาบาล ระดมกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง และอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศห้ามรถทุกชนิดผ่าน และให้ยกของขึ้นที่สูงโดยด่วน ส่วนอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการชลประทาน พร้อมทหาร เร่งวางแบริเออร์ กระสอบทรายบริเวณสวนสาธารณะดงตาล เพื่อชะลอมวลน้ำไม่ให้เข้าในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

“20 ชม.” แพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัดต่อมือเด็กสำเร็จ

เชียงใหม่ 20 ก.ย.- ทีมแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัด 20 ชั่วโมง ต่อมือเด็กหญิงวัย 14 ปี ประสบความสำเร็จ หลังถูกฟันขาด เบื้องต้นยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด เหตุการณ์ ขณะนายจายอ้ายหม่อง หรือ นายหม่อง อันธพาลเมียนมาและพวก ถือมีดสปาต้า วิ่งเข้าไล่ฟันกลุ่มผู้เสียหาย จนได้รับบาดเจ็บ 3 คน หนึ่งในนั้น คือ ด.ญ.อายุ 14 ปี ซึ่งยกแขนขึ้นบัง ทำให้ถูกนายหม่องฟันจนข้อมือขาด เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณร้านซักรีดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อมาตำรวจตามจับคนก่อเหตุได้ทั้งหมด 15 ราย ล่าสุด รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ ระบุได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนมือขวาขาดระดับข้อมือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 […]

“นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่

อ่างทอง 20 ก.ย. – “นายกฯ อนุทิน” ลงพื้นที่อ่างทอง จังหวัดแรก ประกาศไม่ต้องลุ้น 4 เดือนยุบสภาแน่ ทำงานเต็มที่ หวังประชาชนเลือกกลับเข้ามาอีก พร้อมอวยพรวันเกิด “ภราดร” ครบ 46 ปี เจ้าตัวถึงกับคุกเข่ามอบมาลัยขอบคุณ “อนุทิน“ อ้อนชาวอ่างทอง อสม.แฟนเก่า ขอยืมตัว “ลูกแบด” ไปเป็น รมต. คุมสำนักงบฯ ตามติดตัว 24 ชั่วโมง บอกเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นหาเมีย ขณะครอบครัว “ปริศนานันทกุล” ปลื้ม คนดังการเมืองตบเท้าแน่น “อนุทิน” ประกาศเชียร์คืนความเป็นธรรม อดีตผู้ว่าฯ อ่างทอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ใช้โอกาสก่อนลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม เดินทางมาที่ อบจ.อ่างทอง เพื่อพบปะกับประชาชน และร่วมอวยพรวันเกิดให้กับนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อายุครบ 46 ปี ซึ่งมีครอบครัว ทั้งนายสมศักดิ์ […]

พิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.7 ประดิษฐานหน้าอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 20 ก.ย.- รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) ประดิษฐานหน้าอาคาร ขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า เมื่อเวลา 08.00 น. รัฐสภา จัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (องค์ใหม่) เพื่อประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา (ถนนสามเสน) โดยมีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่1 เป็นประธานในพิธี นอกจากนี้ยังมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. นายชวนหลีก หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมการ บมจ.อสมท รวมถึงข้าราชการรัฐสภา ร่วมพิธีด้วย โดยนายไชยาและพล.อ.สวัสดิ์ ถวายพวงมาลัยและโปรยดอกไม้ที่พระบาทของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นปักธูปที่เครื่องบวงสรางพร้อมโปรยดอกไม้ จากนั้นนายฉัตรชัย ปิ่นเงิน หัวหน้าโหรพราหมณ์ สำนักพระราชวัง อ่านโองการจากนั้นเชิญประธานในพิธีโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวง วางพานประดับพุ่มดอกไม้ และจุด ธูป เทียน […]