รอรัฐมนตรีใหม่ชี้ขาดอุดหนุนเชื้อเพลิงชีวภาพ

กทม. 12 มิ.ย.-กองทุนน้ำมันรอรัฐมนตรีใหม่ชี้ขาดอุดหนุนเชื้อเพลิงชีวภาพ พร้อมนิยามวิกฤตการณ์น้ำมัน


ข่าวดีอีกรอบ พรุ่งนี้ ราคาน้ำมันทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซล ลดลง 30 สตางค์/ลิตร รวมแล้ว 20 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคมเป็นต้นมา ราคาน้ำมันลดลง 7 ครั้ง โดยกลุ่มดีเซลลดลง 2.40 บาท/ลิตร และกลุ่มเบนซินลดลง 2.50 บาท/ลิตร ตลาดกังวัลสงครามการค้า แม้ว่าจะมีข่าวที่ค่อนข้างชัดว่ากลุ่มโอเปกและพันธมิตร จะลดกำลังผลิตต่อเนื่องก็ตาม 


ราคาน้ำมันลดลงก็เป็นผลดีต่อรัฐบาลใหม่ เพราะจะได้ไม่ปวดหัวกับผลพวงค่าครองชพีที่จะตามมา ซึ่ง ณ วันนี้การจัดสรรรัฐมนตรีต่างๆ รายชื่อเริ่มลงตัว โดยเฉพาะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงการคลัง นายอุตม สาวนายน หัวหน้าพลังประชารัฐ, กระทรวงอุตสาหกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์, กระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และกระทรวงพลังงาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งในส่วนของกระทรวงพลังงาน มีงานต่อเนื่องจากรัฐบาล คสช.ที่เป็นรอยต่อ ที่ต้องตัดสินใจและเกี่ยวข้องกับค่าครองชีพ คือ การนำเข้าแอลเอ็นจีของ กฟผ.ไม่เกิน 1.5 ล้านตัน ตามนโยบายรัฐบาล ที่ให้เกิดการแข่งขัน การนำเข้าเพื่อให้ค่าไฟฟ้าถูกที่สุด แต่จะมีผลกระทบในช่วงแรกๆ กับสัญญาก๊าซเดิมที่มีอยู่ ทำอย่างไรไม่ให้เป็นภาระ ในขณะที่ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 กันยานยนนี้ ก็มีเรื่องเกี่ยวข้องกับชาวบ้าน คือ อนาคตใน 3-7 ปีข้างหน้า กองทุนน้ำมันจะไม่มีการเข้ามาอุดหนุนเชื้อเพลิงชีวภาพ เช่น เอทานอล ไบโอดีเซล แล้วจะทำต่ออย่างไร เพราะหากให้ลอยตัว แน่นอนต้นทุนแข่งขันกับราคาน้ำมันปิโตรเลียมไม่ได้ และก็จะกระทบต่อเกษตรกร ซึ่งการที่อี 20 อี 85 บี 10 และบี 20 ราคาต่ำก็มาจากการอุดหนุนโดยกองทุนน้ำมันที่เงินมาจากผู้ใช้รถยนต์ทั่วไป 


ทั้งนี้ ทางสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน ได้ว่าจ้างสถาบันปิโตรเลียม เข้ามาศึกษาเรื่องดังกล่าว รวมทั้งนิยามที่ชัดๆ ของคำว่าวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง มีความหมายครอบคลุมอย่างไร เพราะตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ระบุชัดว่า “เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคานำ้มันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง” ขณะที่ตามกฎหมายระบุว่ากองทุนต้องมีจำนวนเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกินจำนวน 40,000 ล้านบาท เพื่อดูแลวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง และหากเงินไม่พอ ก็ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อกู้ยืมเงินจำนวนไม่เกิน 20,000 ล้านบาท โดยการตราพระราชกฤษฎีกามาดูแล

สำหรับบี 20 และบี 10 เป็นปัจจัยในการดูดซับปาล์ม เพื่อแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ โดยกำหนดให้ราคาถูกกว่าไบโอดีเซล บี 7 อัตรา 5 บาท สำหรับบี 20 และบี 10 ถูกกว่าบี 7 ในอัตรา 1 บาทต่อลิตร ซึ่งที่ผ่านมามีความนิยมเพราะกลไกราคาน้ำมันดึงดูดผู้ใช้ มีปั๊มพีที, บางจากฯ, ปตท. เปิดขายไปแล้ว วันนี้ทางคาลเท็กซ์ ได้เปิดขายที่กระบี่ โดยคาลเท็กซ์จะเปิดขายบี 20 ในปั๊มทั่วประเทศ ซึ่งบี 20 ถูกกว่า บี 7  ในอัตรา 5 บาทต่อลิตร มีผลถึง 31 กรกฎาคมนี้ ก็ต้องรอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ มาตัดสินใจ รวมทั้งพิจารณานโยบายเรื่องการดูแลราคาแอลพีจีสำหรับครัวเรือน ซึ่งปัจจุบันถังขนาด 15 กิโลกรัม ราคา 363 บาทต่อถัง ว่าจะใช้ต่อหรือไม่ หลังจากใช้ราคานี้มาตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2561 

ส่วนเรื่องบัตรคนจนที่ได้รับแจก 14.5 ล้านคน ที่มีกระแสข่าวว่าจะใช้ได้จนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้เท่านั้น เรื่องนี้ก็ได้รับคำยืนยันว่า ไม่เป็นเรื่องจริง ผ่านเพจ “ลุงตู่ ตูน” ที่สนับสนุนการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นอกจากจะไม่หมดอายุยังมีเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยวันนี้ 12 มิถุนายน มีเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้านผู้สูงอายุ 400 บาท วันที่ 15 มิถุนายน เงินสงเคราะห์ยังชีพ เพื่อผู้สูงอายุ 50-100 บาท วันที่ 18 มิถุนายน เงินช่วยเหลือค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 เงินช่วยเหลือไม่เกิน 230 บาท และวันที่ 21 มิถุนายน ค่าเดินทางไปรักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวกับสุขภาพ ก่อนหน้านี้ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุได้นำนโยบายหาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล ในด้านสวัสดิการมาวิเคราะห์ พบว่าอาจต้องใช้เงินในการดำเนินการเพิ่มไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี เช่น การเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สภาฯ ยืนไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตจากเหตุสู้รบชายแดน

รัฐสภา 30 ก.ค.- “สภาฯ” ยืนไว้อาลัย ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน “ครูมานิตย์” ชื่นชมทหารกล้า ลั่นถ้าไม่มีอาวุธที่ทันสมัยคนสุรินทร์ตายเป็นเบือ ดีไม่ดีรวมตัวเอง เผย ไปนั่งเฝ้าที่ศูนย์อพยพ มีทั้งจิตตก ซึมเศร้า กินข้าวไม่ได้ ต้องกินกาแฟแทน เพราะคิดถึงบ้าน พร้อมเสนอลดค่าน้ำ ค่าไฟ บ้านที่ผู้อพยพไปอยู่ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม โดยในช่วงหารือ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย หารือถึงปัญหาการสู่รายแดนไทย กัมพูชา ว่า ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.จนถึงปัจจุบัน ที่เกิดเหตุรุนแรงการสู่รบในหลายจังหวัด ซึ่ง จังหวัดที่โดนรุนแรงมากที่สุดคือจ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายเพราะมีประสาทต่างๆแและอันดับสองคือจังหวัดศรีสะเกษซึ่งมีหลายมิติ แต่มิติแรกที่จบไปโดยตัวมันเองว่าทหารมีไว้ทำไม ถ้าไม่มีทหารไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยคนสุรินทร์ตายเป็นเบือ ดีไม่ดีรวมตนด้วย เพระายุทธวิธีในวันนั้นเห็นได้ชัด ก่อนที่จะชะลอการหยุดยิง เพราะตนยังไม่เชื่อว่าจะยุติโดยสิ้นเชิง เพราะตนอยู่ในพื้นที่ แต่ทหารเรามีความกล้าหาญและมียุทธวิธีที่ดีประคับประคองคิดพื้นที่ไม่ให้พี่น้องเราเดือดร้อนไปมากกว่านี้ “เสียใจกับ 15 วีรบุรุษ จึงขอฝากทางราชการว่าอะไรที่มอบให้เขาได้ใหญ่ก็มอบให้เถอะไม่ว่าจะเป็นการชดเชยให้กับครอบครัว หรือเพิ่มยศให้กับเขาให้โอกาสลูกของเขา ผมเกิดมาก็เพิ่งเห็นเที่ยวนี้ว่าเอฟ […]

ทบ.ออกแถลงการณ์กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

30 ก.ค.- กองทัพบกออกแถลงการณ์ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นครั้งที่สอง บ่อนทำลายการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบ ย้ำจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน -สำนักข่าวไทย

กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เปิดแนวปะทะพื้นที่ “อานม้า-ภูมะเขือ”

30 ก.ค. – กัมพูชากลับกลอก ละเมิดข้อตกลงอีก เปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ “อานม้า และภูมะเขือ” ขณะที่ ทบ.เผยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็ก สลับระเบิดขว้าง เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อนอีกแล้ว ละเมิดข้อตกลงถึง 2 ครั้ง โดยเปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ที่ อานม้า และภูมะเขือ ทบ.เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กสลับระเบิดขว้าง โดยเมื่อเวลา 20.45 น. แหล่งข่าวฝ่ายมั่นคงรายงานว่า ช่องอานม้า มีเหตุปะทะ กัมพูชาเปิดฉากยิง หวังยึดพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ ขณะที่ช่วงเวลา 22.19 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบขั้นต้นเกิดเหตุปะทะที่ภูมะเขือ และช่องอานม้า โดยมีปืนเล็กกับระเบิดขว้างเข้ามาที่ฐานฝั่งไทย ประมาณ 30 นาที ขณะที่เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ไม่ต้องนอน ตามคาด! กัมพูชาละเมิดอีกแล้ว อานม้าปะทะภูมะเขือ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]