กทม. มั่นใจอุปกรณ์พร้อมรับมือหากเกิดฝนถล่มกรุงซ้ำอีก

สำนักข่าวไทย 12 มิ.ย. – กทม.มั่นใจอุปกรณ์ความพร้อมเอาอยู่หากเกิดฝนถล่มกรุงอีก แจงจะทราบปริมาณฝนที่ตกลงมาได้ ก็ต่อเมื่อฝนตกเท่านั้น ไม่สามารถคาดการณ์ปริมาณล่วงหน้าได้  


นายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.)  กล่าวถึง  ความสามารถในการแจ้งเตือนปริมาณฝนที่จะตกลงมาในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ปกติการแจ้งเตือน การก่อตัวของกลุ่มฝนในพื้นที่ใกล้เคียง หรือในกรุงเทพ สามารถแจ้งล่วงหน้าได้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง  ส่วนพื้นที่ที่มีฝนตก ทิศทางลม หรือกลุ่มฝนเคลื่อนไปจุดไหน  กทม.จะแจ้งเตือนแบบ Real Time ทุกๆ 15 นาทีอยู่แล้ว ผ่านทาง เว็บไซต์ของสำนักการระบายนํ้า http://dds.bangkok.go.th และ ตรวจสอบข้อมูลจากเรดาร์ตรวจฝนของกรุงเทพมหานครได้ทางhttp://weather.bangkok.go.th/Radar  หรือเว็บไซต์ใดที่เชื่อมต่อสัญญาณกับสำนักการระบายน้ำก็สามารถติดตามข้อมูลของฝนที่จะตกลงมาในกรุงเทพได้  แต่ปัญหาในเวลานี้ของ กทม.คือ แม้จะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลให้สามารถรายงานแบบ Real Time ทุก 15 นาทีแล้ว แต่ข้อมูลที่เผยแพร่ออกไปก็ยังไม่สามารถทำให้ประชาชนส่วนใหญ่รับทราบได้ จึงจะได้มีการเรียกประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะมีช่องทาง หรือวิธีการใดให้ประชาชนรับทราบได้บ้าง

ส่วนที่ประชาชนสงสัย หรือมีคำถามว่า สามารถแจ้งเตือนลงรายละเอียดถึงปริมาณเป็นมิลลิเมตรได้เลยหรือไม่นั้น   นายสมพงษ์  กล่าวว่า ประเด็นนี้ขอแจ้งเลยว่า กทม.ไม่สามารถที่จะแจ้งล่วงหน้า คาดการณ์ออกมาเป็นปริมาณได้ แม้แต่กรมอุตุนิยมวิยาเองก็ยังไม่สามารถระบุลงลึกละเอียดได้ขนาดออกมาเป็นตัวเลข เพราะถือเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา  โดยจะพยากรณ์คาดการณ์ได้ในภาพรวมเกณฑ์ของฝนว่าจะเป็นอย่างไรเท่านั้น  เช่นจะมี ฝนเล็กน้อย(Light Rain) คือ ฝนตกตั้งแต่ปริมาณ0.1 มิลลิเมตร ถึง 10.0 มิลลิเมตร  ฝนปานกลาง(Moderate Rain) คือ ฝนตกตั้งแต่ปริมาณ 10.1 มิลลิเมตร ถึง 35.0 มิลลิเมตร  ฝนหนัก(Heavy Rain) คือ ฝนตกตั้งแต่ปริมาณ 35.1 มิลลิเมตร ถึง 90.0 มิลลิเมตร  และฝนหนักมาก(Very Heavy Rain) คือ ฝนตกตั้งแต่ปริมาณ 90.1 มิลลิเมตร ขึ้นไป   การที่จะทราบว่าฝนมีปริมาณเท่าไหร่นั้นจะทราบก็ต่อเมื่อฝนตกลงมาแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถบอกได้  ซึ่งเมื่อฝนตกลงมาแล้วมีปริมาณเท่าใด กทม.ก็ได้อัพเดตข้อมูลให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่องทุก 15 นาที ผ่านทางเว็ปไซต์ของสำนักการระบายน้ำที่ได้แจ้งไว้แล้ว


ส่วนการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนตก  รองปลัด กทม. กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นที่อุโมงค์ระบายน้ำบางซื่อ ก็ได้แก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มั่นใจว่าหากเกิดฝนถล่มลงมาในปริมาณใกล้เคียงกับวันที่ 7 มิ.ย. กทม.จะสามารถรับมือได้  เพราะได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม เตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำสำรอง อุปกรณ์เสริมต่างๆ เตรียม พร้อมหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพื่อลงพื้นที่แก้ไขปัญหาต่างๆขณะที่ฝนตก เมื่อเรดาร์ตรวจวัดสภาพอากาศตรวจพบกลุ่มเมฆฝนเคลื่อนเข้าพื้นที่ใด ศูนย์จะแจ้งให้เขตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประจำจุดระบายน้ำและจุดอ่อนน้ำท่วมทันที เพื่อเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึงประสานการไฟฟ้านครหลวงส่งเจ้าหน้าที่ประจำสถานีสูบน้ำ หรืออุโมงค์ ระบายน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดกรณีไฟฟ้าขัดข้องฉุกเฉิน นอกจากนี้ จะบูรณาการทำงานเพื่อ แก้ไขและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ อาทิ เจ้าหน้าที่ทหาร จิตอาสา โดยตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมา เมื่อได้รับแจ้งจากศูนย์ว่าฝนจะตกพื้นที่ใด จะมีการเตรียมความพร้อม และลงพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม หากปริมาณฝนที่ตกลงมามีปริมาณสะสมไม่เกิน 60 มิลลิเมตร จะไม่มีปัญหาการระบายน้ำ แต่หากเกินอาจมีน้ำขังบ้าง กทม.จะเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ผู้ว่าฯอัศวิน” เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ที่ผ่านมา ระบุว่า ตอนนี้ เรดาห์ของ กทม.ตรวจพบกลุ่มฝนเริ่มก่อตัวในพื้นที่ และในช่วงบ่ายนี้ กทม.จะมีฝนตกได้ ข้อความระบุว่า 

“ช่วงนี้กรุงเทพฯ ยังมีฝนช่วงบ่ายถึงค่ำ วางแผนเดินทางและรักษาสุขภาพด้วยนะครับ ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กทม. ได้รายงานสภาพอากาศจากการพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาวันนี้ (12 มิ.ย.) ว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะมีโอกาสเกิดฝนได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ซึ่งเมื่อดูเรดาร์คาดการณ์ฝนแล้วตั้งแต่ช่วง 10 โมงเป็นต้นไป อาจจะเริ่มมีท้องฟ้าครึ้มและฝนเล็กน้อยในบางพื้นที่ของกรุงเทพฯ ครับ จากนั้นต้องมาเฝ้าระวังฝนในช่วงบ่ายอีกครั้ง เพราะคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกในช่วงบ่ายจนถึงค่ำ วางแผนเดินทางกลับบ้านไว้ก่อนนะครับ”


สำหรับพยากรณ์อากาศ 7 วัน ล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 12 – 18 มิ.ย. 62 กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า ในช่วงวันที่ 12 มิ.ย. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย. 62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และช่วงวันที่ 15-18 มิ.ย.62 มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่

ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ฝน และแจ้งจุดน้ำท่วมขังได้ที่ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม กทม. แอปพลิเคชัน กทม. Connect/เฟซบุ๊ก bkk.best/ทวิตเตอร์ bkk_best/ไลน์ @bkk_best เว็บไซต์ของสำนักการระบายนํ้า http://dds.bangkok.go.th / ตรวจสอบข้อมูลจากเรดาร์ตรวจฝนของกรุงเทพมหานครได้ทาง  weather.bangkok.go.th/Radar  หรือโทร. 0-2248-5115 . –สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]