กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – สทนช.จับมือลาวเชื่อมโยงข้อมูลฝน แผนระบายน้ำ สถานีวัดน้ำท่าในแม่น้ำโขงฝั่งลาว พร้อมแผนบริหารจัดการน้ำเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี เพื่อวิเคราะห์คาดการณ์แนวโน้มระดับน้ำโขงก่อนถึงฝั่งไทย ตั้งเป้าลดวิกฤติน้ำล้นตลิ่งพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมริมโขง 8 จังหวัดภาคอีสาน เดือน ก.ค.-ก.ย.
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 – 9 มิถุนายนที่ผ่านมาเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย หารือกับท่านแก้วมณี หลวงฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองบริหารองค์กรและความร่วมมือ และคณะฯ ของสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติลาว เพื่อร่วมมือบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขง ซึ่งผลการหารือทั้ง 2 ประเทศเห็นพ้องร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลบริหารจัดการน้ำแม่น้ำโขง สถานีวัดน้ำฝน รวมถึงปริมาณน้ำที่มีการระบายจากเขื่อนของลาวที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง ทั้งโครงการก่อสร้างปัจจุบันและในอนาคต ให้แก่ประเทศไทยโดยตรง นอกเหนือจากการประสานงานผ่านคณะกรรมการแม่น้ำโขง (MRC) เพื่อให้การใช้น้ำจากแม่น้ำระหว่างประเทศเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งผู้แทนลาวจะนำไปหารือระดับนโยบายเพื่อให้เกิดความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านอุทกวิทยาระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งระยะสั้นและระยะกลางให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
ขณะเดียวกันฝ่ายไทยยังได้หยิบยกประเด็นหารือเชิงเทคนิคเกี่ยวกับเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีของลาว ซึ่งเป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำประเภทเขื่อนทดน้ำเหมือนเขื่อนเจ้าพระยา มีพื้นที่รับน้ำฝน 272,000 ตารางกิโลเมตร ปริมาณ/อัตราการไหลน้ำท่าเฉลี่ย 3,971 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ความยาวอาคารตั้งแต่ช่องทางการเดินเรือ อาคารระบายน้ำ ช่องระบายตะกอน โรงไฟฟ้าและอาคารประกอบ ยาวรวม 820 เมตร ปริมาณน้ำหลากที่ใช้ออกแบบ 47,500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ปริมาณน้ำออกแบบเพื่อผลิตไฟฟ้าส่งออกขาย 4,900 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ตั้งอยู่บนลำน้ำโขงสายหลัก ซึ่งขณะนี้ก่อสร้างใกล้เสร็จและเริ่มทดสอบระบบผลิตกระแสไฟฟ้า รวมทั้งมีการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบติดตาม และคาดการณ์ปริมาณน้ำทั้งด้านเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งไทยและกำหนดกรอบแนวทางความร่วมมือร่วมกัน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การบริหารจัดการน้ำและการใช้น้ำของเขื่อนไซยะบุรี 2.แนวทางการประสานงานและการทำงานร่วมกันเพื่อรองรับการดำเนินงานในช่วงฤดูฝน 3.แนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านอุทกวิทยา ระบบการพยากรณ์น้ำท่วมและการบริหารจัดการเขื่อน และ 4.แผนเตรียมการรับมือภาวะฉุกเฉินและความปลอดภัยเขื่อน เป็นต้น
นายสมเกียรติ กล่าวว่า สทนช.เป็นผู้รับผิดชอบภารกิจงานด้านน้ำระหว่างประเทศตามที่ได้รับหมายจากมติคณะรัฐมนตรี รวมถึงภารกิจตามกรอบความร่วมมือของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง การเดินทางมาหารือระดับเทคนิคระหว่างไทย-ลาวครั้งนี้จะทำให้การบริหารจัดการและการใช้น้ำจากแม่น้ำระหว่างประเทศในแม่น้ำโขงล่างตอนบนเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สทนช.ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลอุทกวิทยากรณีฤดูน้ำหลากสำหรับแม่น้ำโขง – ล้านช้าง โดยฝ่ายจีนจะให้ข้อมูลระดับน้ำและปริมาณฝนในช่วงฤดูน้ำหลาก ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 31 ตุลาคมของทุกปี จากสถานีอุทกวิทยา 2 แห่ง คือ สถานีจิ่งหง ซึ่งเป็นสถานีวัดปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนตัวที่ 6 ที่จีนสร้างในลำน้ำโขง และสถานีหม่านอัน ซึ่งเป็นสถานีวัดน้ำในลำน้ำสาขาของจีน และเร็ว ๆ นี้ลาวจะติดตั้งสถานีวัดน้ำสถานีเชียงกกซึ่งอยู่ในแม่น้ำโขงระหว่างพม่าและลาว บริเวณเหนือ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ประมาณ 200 กม.
“ผลการหารือร่วมกับลาวครั้งนี้จะทำให้เกิดความเชื่อมโยงบริหารจัดการแม่น้ำโขงตลอดสายฤดูฝนนี้ ทั้งข้อมูลปริมาณน้ำฝน รวมถึงการระบายน้ำจากเขื่อนไซยะบุรีสะท้อนกับสภาพความเป็นจริงและเป็นข้อมูลปัจจุบัน (Real Time) มากที่สุด เพื่อการวิเคราะห์ คาดการณ์สถานการณ์น้ำท่าที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อแม่น้ำโขงฝั่งไทยได้ โดยเฉพาะพื้นที่ 8 จังหวัดเสี่ยงภาคอีสานที่ติดแม่น้ำโขง แต่ละปีปริมาณน้ำโขงจะมีปริมาณน้ำสูง 2 ช่วง คือ เดือนกรกฎาคมและกันยายน หาก สทนช.ได้รับข้อมูลสถานการณ์น้ำในลาวล่วงหน้าก็สามารถคาดการณ์ เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดจากน้ำล้นตลิ่งกับประชาชนในฝั่งไทยได้”นายสมเกียรติ กล่าว.-สำนักข่าวไทย