กรุงเทพฯ 10 มิ.ย. – รอวัดใจรัฐบาลชุดใหม่อนุมัติการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี กฟผ.และอนุมัติเอกชนบริหารรถไฟทางคู่ โดยมีแนวโน้มจะใช้รถไฟขนส่งแอลเอ็นจีไปโรงไฟฟ้าน้ำพอง
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ขณะนี้รอนโยบายรัฐบาลใหม่ว่าจะชี้ขาดในการนำเข้าแอลเอ็นจี โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ไม่เกิน 1.5 ล้านตัน/ปี ว่า จะดำเนินการรูปแบบใด หลังจากก่อนหน้าคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้ให้ กฟผ.และ บมจ.ปตท.หาทางออกร่วมกันว่า หากนำเข้าแล้วจะไม่ให้เกิดปัญหาต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงขึ้นจากปัญหาก๊าซฯ เหลือใช้ เพราะสัญญา Take Or PAY (ใช้หรือไม่ใช้ก็ต้องจ่าย )
“ล้มหรือไม่ล้มประมูลนำเข้าแอลเอ็นจี กฟผ.หรือไม่ ผมไม่ทราบแล้วแต่นโยบายรัฐบาล” ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว
ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าน้ำพอง จ.ขอนแก่น โรงใหม่ 650 เมกะวัตต์ ตามแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี 2018 ) ที่จะเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ปี 2568 แม้ว่าขณะนี้จะมีก๊าซธรรมชาติจากแหล่งสินภูฮ่อมมาป้อน แต่จำเป็นต้องมีแอลเอ็นจีเข้ามาสนับสนุนระยะยาว ดังนั้น การขนส่งแอลเอ็นจีจะดำเนินการอย่างไร ระหว่างการสร้างท่อก๊าซฯ หรือขนส่งทางรถไฟทางคู่เส้นทางแหลมฉบัง-ขอนแก่น ที่ขณะนี้งานก่อสร้างมีความคืบหน้าร้อยละ 90 และรอรัฐบาลใหม่มาพิจารณาเรื่องการให้เอกชนเข้ามาบริหารงาน โดยตามแผนจะมีการก่อสร้างรถไฟทางคู่ต่อจากขอนแก่น -หนองคาย-สปป.ลาว ซึ่งจะทำให้การขนส่งสินค้ามีความสะดวกและต้นทุนต่ำลง
นายกุลิศ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทางกระทรวงฯ ได้เตรียมข้อมูลเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่และรอนโยบายรัฐบาลใหม่ที่จะแถลงต่อรัฐสภาว่าต้องนำมาดำเนินการมาปรับปรุงแผนที่ทำไว้เดิมอย่างไร เช่น การบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง, แผนพลังงานทั้ง 5 ด้าน, แผนไบโอดีเซล, แผนยูโร 5, การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า และระบบแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้าและพลังงานทดแทน.-สำนักข่าวไทย