กรุงเทพ 7 มิ.ย. – บล.ไอร่า ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือน มิ.ย. ฟื้นตัว ขานรับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หนุนความเชื่อมั่น กรอบดัชนี แนวรับ 1,600-1,570 จุด และแนวต้าน 1,632-1,650 จุด
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ประเมินแนวโน้มการลงทุน ในช่วงเดือนมิถุนายน ว่า ทิศทางการลงทุนตลาดหุ้นไทย มีโอกาสฟื้นตัว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นภายในประเทศ โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเป็น Sentiment บวกมากขึ้น หากการจัดตั้งเป็นไปด้วยความราบรื่น และมาจากเสียงข้างมาก จะทำให้มีเสถียรภาพในการบริหารงานและดำเนินนโยบายต่อเนื่อง พร้อมคาดว่าจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนจากภาคเอกชน คาด Fund Flow มีโอกาสไหลกลับต่อเนื่อง หลังการปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนตลาดหุ้นไทย ของ MSCI มีผลเมื่อ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คาดว่าการประชุม กนง. ในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ ทาง กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.75% โดยแนวโน้ม GDP ในไตรมาส 2/2562 มีทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ที่ GDP ลงไปต่ำสุดในรอบ 17 ไตรมาส อยู่ที่ 2.80% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งจับตาการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบไตรมาส 2/2562 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน อีกด้วย
อย่างไรก็ตามคาดว่ายังคงมีปัจจัยกดดันจากประเด็นต่างประเทศ ทำให้คาดการปรับขึ้นเป็นไปอย่างจำกัด จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และมีแนวโน้มลุกลามไปยังประเทศอื่น เช่น Mexico พร้อมคาดญี่ปุ่น และยุโรป เป็นประเทศต่อไป คาดมีผลต่อเศรษฐกิจโลก จากอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ที่เป็น Supply Chain และภายใต้ประเด็นดังกล่าวคาดส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และหันเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตร และทองคำ พร้อมติดตาม Inverted yield curve ที่เป็น 1 สัญญาณแสดงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในอีก 12 หรือ 24 เดือนข้างหน้า
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนด้านเทคนิค ภาพรวมเดือนมิถุนายน เริ่มมีความเสี่ยงต่อแนวโน้มขาลง หลังจากหลุด Uptrend Line ลงมา และหากไม่สามารถ Break 1,632 จุด ขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณขายหากหลุด 1,600 จุด โดยจะมี Target ที่ 1,570 จุด เป็นอย่างน้อย จึงให้แนวรับ 1,600-1,570 จุด และแนวต้าน 1,632-1,650 จุด
นอกจากนี้แนะนำกลยุทธ์ลงทุน โดยคิดหุ้นเด่นประจำเดือน ดังนี้ CKP, JKN, SINGER, SPA, SPALI และ STEC และเลือกลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากรัฐบาลชุดใหม่ ที่คาดดำเนินนโยบายลงทุนภาครัฐต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนภาคเอกชน เช่น กลุ่มธนาคาร กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น รวมทั้งหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วงไตรมาส 2/2562 เช่น กลุ่มค้าปลีก ROBINS กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL, ERW และ AOT จากค่าลดหย่อนท่องเที่ยวทั้งเมืองหลัก และเมืองรอง และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ PSH และ SPALI จากการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนอง เป็นต้น และหุ้นกลุ่มพลังงาน แนะนำเพียงเก็งกำไรตามราคาน้ำมัน ซึ่งคาดว่าภาพรวมราคาน้ำมันยังได้รับปัจจัยกดดันจากความกังวลสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ซึ่งคาดส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงานชะลอตัว . – สำนักข่าวไทย