ศาลปกครอง 5 มิ.ย.-เรืองไกรเรียกร้องกกต.ส่งศาลรธน.วินิจฉัยส.ส.ถือหุ้นสื่อ เพื่อเป็นบรรทัดฐาน เตรียมร้องป.ป.ช.เอาผิดสมาชิกรัฐสภา ถ้าโหวตนายกฯ โดยไม่พิจารณาญัตติคุณสมบัติพล.อ.ประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐก่อน
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคไทยรักษาชาติให้สัมภาษณ์ภายหลังรับฟังคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางไม่รับคำฟ้องกรณีกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ใช้สื่อโซเชียล ไม่อาจถือได้ว่าเข้าข่ายการเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชนอันเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ว่า เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งว่าเป็นอำนาจของกกต.ที่จะส่งให้ศาลวินิจฉัยหรือไม่
“อยากจะเรียกร้องให้ กกต.เร่งพิจารณากรณีที่ร้องขอให้ตรวจสอบส.ส.จากหลายพรรคการเมืองที่ถือครองหุ้นสื่อ ว่าเข้าข่ายทำให้ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง ส.ส. หรือไม่ และเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยเร็ว เพื่อให้ศาลพิจารณาวางบรรทัดฐานว่าคำว่า “สื่อ “นั้นมี ความหมาย ถึงอะไรบ้าง รวมถึงการมีชื่อเป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก อินสตราแกรมด้วยหรือไม่ ซึ่งกกต.ไม่ควรเลือกส่งศาลพิจารณาเฉพาะบางเรื่อง อย่างส่งเฉพาะของกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แต่ควรทำกับส.ส.คนอื่น ๆ ในมาตรฐานเดียวกัน” นายเรืองไกร กล่าว
นายเรืองไกร กล่าวว่า วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ประชุมรัฐสภาจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และทราบว่ามีญัตติของพรรคอนาคตใหม่ที่จะเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้พิจารณาคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์กรณีเป็นหัวหน้าคสช. ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่งต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรแจ้งต่อน.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า ไม่มีญัตติดังกล่าวให้ที่ประชุมได้พิจารณา ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้จะประชุมสมาชิกรัฐสภา เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีเลยนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
“เคยมีกรณีของการโหวตพล.อศิรินทร์ ธูปกล่ำเป็นกกต.และคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เป็นผู้ว่าฯ สตง.ที่เมื่อทำผิดขั้นตอน การโหวตดังกล่าวถือว่าเป็นโมฆะ ดังนั้น ถ้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่พิจารณาคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ แล้วข้ามไป ประชุมสมาชิกรัฐสภาเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีเลยจะถือว่าเป็นการทำข้ามขั้นตอน ผมจะยื่นให้ป.ป.ช.พิจารณาว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเหล่านี้จงใจใช้อำนาจ หน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 234(1) หรือไม่ หาก ป.ป.ช. ชี้มูลจะมีผลให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่” นายเรืองไกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย
