สบส.21 ส.ค.-สบส.คาดโทษ รพ.เอกชน บริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ ไม่ถูก พ.ร.บ.สถานพยาบาลฯ โทษทั้งจำคุกและอาจถึงขั้นสั่งปิดสถานพยาบาลชั่วคราว
น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรมสบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้บริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่กลายเป็นช่องทางหาเงินของธุรกิจนอกกฎหมาย โดยฉวยโอกาสไปให้บริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ให้แก่องค์กรหน่วยงาน สถาน ศึกษา ที่ไม่สะดวกให้บุคลากรหรือนักเรียนจำนวนมากเดินทางไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลตามสัญญาประกันสุขภาพหรือตรวจสุขภาพประจำปี ที่เรียกว่าเช็คอัพ (Check up ) ซึ่งกรม สบส.ได้รับร้องเรียนหลายจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่มีโรงงานอุตสาหกรรม เช่นลำพูน ฉะเชิงเทราพระนครศรีอยุธยา จึงขอย้ำเตือนสถานพยาบาลเอกชน ที่จัดบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ ปฏิบัติตามกฎหมาย คือ พ.ร.บ.สถานพยาบาลพ.ศ.2541อย่างเคร่งครัดเพื่อให้ผลตรวจสุขภาพ ถูกต้อง แม่นยำ ให้ผลดีประชาชนได้รับรู้สถานะสุขภาพตนเอง นำมาสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อแก้ไขป้องกันการป่วย หรือได้รับรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม
อธิบดีกรม สบส.กล่าวต่อไปว่า สถานพยาบาลที่สามารถจัดบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ได้ ต้องเป็นสถานพยาบาลหรือเป็น รพ.ที่มีเตียงรับผู้ป่วยค้างคืนเท่านั้น คลินิกทั่วไปไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องมีสัญญาระหว่างสถานพยาบาลกับหน่วยงานหรือสถานศึกษาที่ไปตรวจ กำหนดให้รถเอ็กซเรย์ ต้องมีมาตรฐานได้รับอนุญาตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีนักรังสีเทคนิคเป็นผู้ให้บริการและมีผลสอบเทียบคุณภาพมาตรฐานของเครื่องประจำปีด้วย กรณีมีการตรวจชันสูตรทางห้อง ปฏิบัติการ เช่นตรวจเลือด อุจจาระ ปัสสาวะต้องมีนักเทคนิคการแพทย์เป็นผู้ให้บริการ มีบันทึกประวัติผู้ใช้บริการ ระบุวัน เวลา สถานที่และชื่อผู้ประกอบวิชาชีพทั้งหมดที่ออกไปให้บริการ ซึ่งทุกวิชาชีพต้องมีใบประกอบโรคศิลปะ หากไม่มีหลักฐานที่กล่าวมาจะถือว่าเป็นหน่วยตรวจสุขภาพเถื่อน
ทั้งนี้ มีโทษ 2 กระทงคือผู้ดำเนินการสถานพยาบาล มีโทษจำคุกไม่เกิน2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โทษฐานไม่ควบคุมดูแล ปล่อยให้บุคคลอื่นที่ไม่มีใบประกอบโรคศิลปะมาประกอบวิชาชีพ หากปรากฏว่าก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้รับบริการ อาจสั่งปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว หรือเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนผู้ประกอบวิชาชีพที่ไม่มีใบประกอบโรคศิลปะ จะมีความผิดแตกต่างกันตามสาขา เช่น แพทย์ มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้าน นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรม สบส.กล่าวว่า สถานประกอบการหรือสถานศึกษาที่จะทำสัญญาว่าจ้างสถานพยาบาลเอกชนไปตรวจสุขภาพ ก่อนทำสัญญาขอให้ตรวจสอบหลักฐานสถานพยาบาล 2 ส่วนได้แก่ ใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลและใบอนุญาตผู้ดำเนินการสถานพยาบาลประเภทรับผู้ป่วยค้างคืน ซึ่งออกโดยกรมสบส. ขณะนี้มี รพ.เอกชนที่ได้รับอนุญาตและขึ้นทะเบียนที่กรมสบส.ทั่วประเทศ 347 แห่ง สามารถตรวจสอบชื่อที่ตั้งและแพทย์ที่ได้รับอนุญาตดำเนินการได้ที่เว็บไซต์สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ www.hss.moph.go.th .-สำนักข่าวไทย