กรุงเทพฯ 25 พ.ค.-เงินบาทแข็งค่าตามสกุลเงินภูมิภาค ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนจากพิษสงครามการค้า
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานสรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าขึ้นช่วงท้ายสัปดาห์ หลังอ่อนค่าเข้าใกล้ระดับ 32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงแรก โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ ตามทิศทางการอ่อนค่าของเงินหยวน และสกุลเงินอื่นๆในภูมิภาคท่ามกลางความตึงเครียดมากขึ้นของสถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน อย่างไรก็ดี เงินบาทสามารถลดช่วงติดลบ และดีดตัวกลับมาแข็งค่าขึ้นช่วงปลายสัปดาห์ หลังมีแรงหนุนจากปัจจัยทางเทคนิค ประกอบกับตลาดหุ้นและสกุลเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ก็ฟื้นตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ในวันศุกร์ (24 พ.ค.) เงินบาทอยู่ที่ 31.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 31.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 พ.ค.) สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-31 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.70-32.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจในประเทศ น่าจะอยู่ที่รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือน เม.ย. ของ ธปท. และสถานการณ์ทางการเมือง ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ประเด็นด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ทิศทางค่าเงินหยวน สถานการณ์ BREXIT ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนเดือน พ.ค. และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค. ดัชนีขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคลและอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก Core PCE Price Index เดือนเม.ย. ดัชนีราคาบ้านเดือนมี.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/62 (รายงานครั้งที่ 2)
ส่วนสรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวน แต่กลับมาปิดสูงกว่าสัปดาห์ก่อนเล็กน้อย โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,614.12 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.37 จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 50,882.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.87 จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดทรงตัวที่ 339.36 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงแรก โดยได้รับแรงหนุนจากการที่สหรัฐฯ ยกเลิกคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนเป็นการชั่วคราว ประกอบกับมีแรงซื้อเข้ามาจากนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี ดัชนีฯ ร่วงลงในเวลาต่อมาหลังมีรายงานว่าสหรัฐ กำลังพิจารณาเพิ่มรายชื่อบริษัทจีนที่จะถูกขึ้นบัญชีดำเพื่อห้ามไม่ให้บริษัทสหรัฐ ทำธุรกิจด้วย ซึ่งทำให้ตลาดกังวลว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนจะยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากขึ้น ตลาดหุ้นไทยลดช่วงลบบางส่วนลงได้ในช่วงปลายสัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากทิศทางทางการเมืองที่มีความคืบหน้า
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-31 พ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,580 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,625 และ 1,635 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ประเด็นการเมืองในประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเดือน เม.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน พ.ค. ของจีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย.ของญี่ปุ่น และดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือน พ.ค. ของยูโรโซน.-สำนักข่าวไทย