กรุงเทพฯ 23 พ.ค. – กบข.จับมือนักลงทุนสถาบัน จัดทำเกณฑ์ไม่ลงทุนในหุ้นที่ผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ หุ้นปั่น หวังพัฒนาตลาดหุ้นให้ยั่งยืน พร้อมมั่นใจสร้างผลตอบแทนปีนี้ให้สมาชิกร้อยละ 5-6
นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ กบข.จะมีการลงนามร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรายใหญ่ 7 แห่ง บริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ 3-4 แห่ง และกองทุนประกันสังคม เพื่อร่วมกันจัดทำ Negative List Guideline หรือเกณฑ์ไม่ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มีปัญหาการปั่นหุ้น การใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้น (อินไซด์) รวมทั้งบริษัทไม่ผ่านเกณฑ์เรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ ESG ซึ่งหมายถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล เป็นระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน
เพราะ กบข.และนักลงทุนสถาบันต้องการสร้างมาตรฐานในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน หากนักลงทุนสถาบันร่วมมือกันไม่ลงทุนในบริษัทที่มีปัญหาเหล่านี้จะเกิดผลในทางปฏิบัติได้ โดยเกณฑ์ดังกล่าวใช้กับเหตุการณ์ในอนาคต ไม่นับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว ซึ่ง กบข.อยากให้นักลงทุนสถาบันรายอื่น ๆ เข้าร่วมเกณฑ์นี้ด้วย ซึ่งระหว่างอยู่การพูดคุยเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายดึงธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมในเฟส 2 ต่อไป ซึ่ง กบข.คาดว่าตั้งแต่ต้นปี 2563 กบข.จะลงทุนในหุ้นที่ผ่านเกณฑ์ ESG ทั้ง 100 %
“กบข.กำลังร่วมมือกับนักลงทุนสถาบันรายใหญ่กำหนดเกณฑ์ไม่ลงทุนในหุ้นที่มีปัญหาปั่นหุ้น การใช้ข้อมูลภายใน หรือผิดเกณฑ์ ESG ในอนาคต โดยจะไม่ซื้อหุ้นเป็นระยะเวลาหนึ่ง ประมาณ 3-6 เดือนและเมื่อครบกำหนดแล้วก็จะกลับมาลงทุนดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งเกณฑ์นี้จะไม่รวมกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตจะเริ่มใช้กับเหตุการณ์ในอนาคต“ นายวิทัย กล่าว
ส่วนสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่รุนแรงขึ้นนั้น นายวิทัย กล่าวว่า ยังคาดเดาทิศทางได้ยาก กบข.ยังต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่ง กบข.ได้ลดสัดส่วนการลงทุนหุ้นต่างประเทศเหลือร้อยละ 20 จากต้นปีที่อยู่ร้อยละ 22 ลดสัดส่วนตลาดหุ้นสหรัฐ และยุโรป ในขณะที่หุ้นไทยยังลงทุนในสัดส่วนเท่าเดิมที่ร้อยละ 7 เนื่องจากหุ้นไทยยังมีศักยภาพ ความเสี่ยงขาลงของหุ้นไทยมีจำกัด แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าบ้าง แต่ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงไม่มาก ซึ่ง กบข.ยังมั่นใจว่าผลตอบแทนจากการลงทุนปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 5-6 โดย 4 เดือนที่ผ่านมาผลตอบแทนอยู่ที่ร้อยละ 3 ปัจจุบันสินทรัพย์การลงทุนทั้งหมดอยู่ที่ 900,000 ล้านบาท
ส่วนการยกระดับการบริการ หลังจากที่ กบข.ได้ปรับรูปแบบการให้บริการผ่าน My GPF เมื่อมีนาคมที่ผ่านมามีสมาชิกใช้บริการ 400,000 ครั้ง และรับสิทธิ์สวัสดิการ 40,000 ครั้ง พร้อมทั้งเปิดศูนย์ข้อมูลการเงิน เป็นศูนย์กลางให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแบบส่วนตัว โดยสมาชิกจะได้รับข้อมูลและคำแนะนำที่ตรงความสนใจ อาทิ การวางแผนเกษียณ การลดหย่อนภาษี การจัดการหนี้ การเริ่มต้นลงทุน เป็นต้น ผ่านช่องทางหลากหลาย ตั้งเป้าสมาชิกเข้าใช้งาน 500,000 ครั้งภายในปีนี้ .-สำนักข่าวไทย