กรุงเทพฯ 10 พ.ค. – ก.อุตฯ ชู 2 มาตรการแก้ปัญหาน้ำมันปาล์ม พร้อมผลักดันประกาศฯ กำหนดเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่โรงสกัด ปรับปรุง ECO Sticker รถปิกอัพรองรับการใช้น้ำมัน B20 กระตุ้นโรงงานรับซื้อปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) มีแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มดิบทั้งระบบ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการ 2 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการกำหนดมาตรฐานวัตถุดิบเพื่อเข้าโรงงาน มาตรการส่งเสริมรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน B20 และการตรวจสอบโรงงานในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน พัฒนาประสิทธิภาพกระบวนผลิต เพื่อให้มีการใช้วัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง
นายพสุ กล่าวว่า มาตรการกำหนดมาตรฐานวัตถุดิบเพื่อเข้าโรงงาน จะช่วยยกระดับราคาผลปาล์มเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และส่งเสริมให้เกิดการผลิตที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น โดยกระทรวงออกประกาศกำหนดให้โรงงานรับซื้อวัตถุดิบที่มีน้ำมันไม่น้อยกว่าร้อยละ 18 สำหรับโรงหีบแยก (รับปาล์มทั้งทลาย) และไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 สำหรับโรงหีบรวม (รับเฉพาะผล) ในส่วนของโรงงาน ทำให้มีวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยไม่ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายจากการควบคุมการผลิตจากความไม่สม่ำเสมอของคุณภาพวัตถุดิบมากนัก และทำให้อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันสูญเสียประสิทธิภาพจากเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มที่ควรจะสกัดได้ เกษตรกรได้ราคาตามเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ส่งขาย ประเทศชาติได้มูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูญเสียไปจากการใช้ทรัพยากรที่ใช้เท่าเดิม โดยประกาศกระทรวงฯ ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 มิถุนายน 2562 ซึ่งระหว่างนี้กระทรวงฯ อยู่ระหว่างเตรียมจัดทำแนวทางปฏิบัติตามประกาศกล่าว และได้สั่งการให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่กำกับ ติดตาม และบูรณาการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลจากประกาศกระทรวง
ด้านมาตรการส่งเสริมรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน B20 กระทรวงฯ ได้สนับสนุนมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมัน B20 ของกระทรวงการคลัง ซึ่งได้ออกประกาศลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถปิกอัพประเภท 2 ประตู และรถปิคอัพ ประเภท 4 ประตูสามารถใช้น้ำมัน B20 เช่น รถปิกอัพที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2) ต่ำกว่า 200 กรัมต่อกิโลเมตร ใช้น้ำมัน B20 จะลดภาษีจากร้อยละ 2.5 มาเป็นร้อยละ 2 ด้วยการปรับปรุงระบบป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล (ECO Sticker) สำหรับรถปิกอัพเพื่อรองรับการใช้น้ำมัน B20 เพื่อให้ผู้ผลิตนำไปชำระภาษีสรรพสามิตและเป็นการยืนยันให้กับผู้บริโภคว่า รถปิกอัพรุ่นดังกล่าวสามารถใช้น้ำมัน B20 ได้ ซึ่งระบบ ECO Sticker เปิดให้ยื่นตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2562 โดยปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ 2 ราย ได้แก่ โตโยต้าและอีซูซุได้รับการอนุมัติ ECO Sticker สำหรับรถปิกอัพที่ใช้น้ำมัน B20 แล้ว ประมาณ 120 รุ่น โดยหากคำนวณจากสัดส่วนตลาดของทั้ง 2 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 70 ของรถปิกอัพทั้งหมดที่จำหน่ายในประเทศ กระทรวงฯ ประมาณการณ์ว่ารถปิกอัพ B20 จะมียอดขายในประเทศประมาณ 300,000 คัน/ปี หากรถปิกอัพจำนวนนี้มีการใช้น้ำมัน B20 จะสามารถดูดซับปาล์มดิบในระบบได้ประมาณ 500,000 ตัน/ปี ก่อให้เกิดมูลค่าปาล์มน้ำมันประมาณ 1,200 ล้านบาท/ปี
นอกจากนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงฯ ตรวจสอบโรงงานให้มีการรับวัตถุดิบปาล์มน้ำมันเพื่อให้เกิดการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบหมายให้อุตสาหกรรมจังหวัด ดำเนินการตรวจสอบโรงงานอย่างใกล้ชิดและส่งเสริม พัฒนาประสิทธิภาพของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม เพื่อให้โรงงานมีการรับซื้อวัตถุดิบในราคาที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่าทั้ง 3 มาตรการจะช่วยยกระดับและรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป”ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว.-สำนักข่าวไทย