พรรคอนาคตใหม่ 7 พ.ค.-“ปิยบุตร” มั่นใจ “ธนาธร” ได้รับรองผล ขณะเดียวกัน ขอสื่อ จับตารายชื่อ ส.ว.
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เข้าชี้แจงกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องการโอนหุ้นบริษัท วีลัคส์-มีเดีย ยืนยันว่า การโอนหุ้นมีผลนับแต่ลงนาม ซึ่งกรณีของนายธนาธรนั้น ทำครบถ้วนทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 แล้ว ทางพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า 1.กกต.ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.อีกแล้ว ตั้งแต่บัดนี้ ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ เพราะประกาศรับรองไปแล้ว
นายปิยบุตร กล่าวว่า 2.กกต.ไม่มีอำนาจในการแจกใบส้ม เพราะเรื่องใบส้มเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้ง กรณีนายธนาธร เป็นเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม จึงแจกไม่ได้ 3.กกต.พยายามอ้างมาตรา 41 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. เรื่องอำนาจการไต่สวน แต่หาก กกต.อ้างกรณีนี้ตลอด หมายความว่า กกต.จะนำกฎหมายบททั่วไปมาใช้กับกรณีเฉพาะทั้งหมด กฎหมายฉบับอื่นก็ไม่มีค่า ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเขียนอำนาจของ กกต. แต่เขียนแค่มาตรา 41 อย่างเดียว พร้อมระบุว่า กกต. มีอำนาจตรวจสอบ ส.ส.ตลอดเวลา ซึ่งการตีความกฎหมายต้องใช้บทเฉพาะกาล ในการตีความก่อน ไม่ใช่อยู่ดี ๆ มาหยิบฐานอำนาจว่าด้วยบททั่วไปของตัวเองมาใช้
นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า 4.การตั้งข้อกล่าวหาของนายธนาธร นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ กกต.ปราศจากอำนาจทางกฎหมาย การตั้งข้อกล่าวหาไม่ชัดแจ้ง การดำเนินกระบวนการต่าง ๆ นั้น น่าจะไม่เคารพหลักความเสมอภาค และการพิจาณาอย่างเป็นธรรม และ 5.ย้ำว่าการโอนหุ้นของนายธนาธร มีผลในทางกฎหมายสมบูรณ์ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 นายธนาธรไม่มีหุ้นสื่อมวลชนใด ๆ เหลืออยู่ในวันสมัครรับเลือกตั้ง
“กรณีของนายธนาธร นั้น ไม่มีวัน หรือช่องทางใด ที่นายธนาธร จะถูกแขวนอยู่ใน 5% ที่ไม่รับรอง เพราะการแขวน 5% มีไว้สำหรับแจก ส.ส.เขต เท่านั้น เรามั่นใจ หากองค์กรอิสระตัดสินบนตัวบทกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ หรืออยู่ภายใต้การกดดันขององค์กรใด ยืนยันว่านายธนาธรจะได้เป็น ส.ส.ในสภาแน่นอน” นายปิยบุตร กล่าว
ส่วนกรณีการประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส.ของ กกต.หลังจากนี้ยังสามารถตรวจสอบได้ภายใน 1 ปี นั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า การกำหนดระยะเวลาเพื่อไม่ให้สภาวุ่นวาย เพราะผลของ ส.ส.เขตเชื่อมโยงกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หลักการที่สำคัญ คือ การเลือกตั้งเป็นการแสดงออกถึงเจตจำนงของประชาชน ที่ผ่านมาเมื่อเลือกตั้งแล้วจะทราบว่า ส.ส.คือใคร แต่เมื่อมีกติกาการให้ใบเหลือง ใบส้ม เสมือนมีองค์กรคอยตรวจสอบหลังการเลือกตั้ง ทำให้ ส.ส.ที่เข้าสภาในช่วงการทำงาน 1 ปีต้องลุ้นว่าจะถูกสอยได้ทุกเมื่อ ทำให้การทำงานขาดความเป็นอิสระหรือไม่ จะกล้าปฏิบัติหน้าที่เผชิญหน้ากับ กกต.หรือไม่ จะกล้าแก้กฎหมายเกี่ยวกับ กกต.หรือไม่ ก็ต้องระมัดระวังว่าอาจจะโดยสอยได้ จึงเป็นการกระทบกับการทำหน้าที่ของ ส.ส.ด้วย
สำหรับกระแสข่าวว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลหลายคนยื่นใบลาออกเพราะได้รับการสรรหาเป็น ส.ว.นั้น นายปิยบุตร ยืนยันว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดย คสช. และ ส.ว.ชุดนี้มีอำนาจมากที่มีส่วนในการเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ส.ว.ชุดนี้ขาดความชอบธรรมตามระบบประชาธิปไตยที่ชัดเจน เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และยังมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่กำลังดำเนินการอุกอาจถึงขั้นเอาคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในรัฐบาล คสช.ลาออกมาสด ๆ เพื่อเป็น ส.ว.
“จะทำอะไร ก็ควรจะเกรงใจกันบ้าง คือจะเอาทุกอย่าง วันนี้มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีก็ใช้อำนาจในการบริหารราชการเต็มที่ พอมีตำแหน่งมาต่อก็กระโดดมาเป็น ส.ว.อีก” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ขอเชิญชวนสื่อมวลชนช่วยจับตาว่า 250 ส.ว.มีกี่คนที่เคยทำงานอยู่ในระบอบของ คสช.กี่คน และมี ส.ว.กี่คนที่เคยทำงานตั้งแต่ปี 2549 และยังจะได้เป็น ส.ว.อยู่ กลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์ว่ามีคนอยู่กลุ่มหนึ่งได้เป็น ส.ว. โดยไม่เคยลงเลือกตั้งเลยและไม่เคยมีการตรวจสอบ ผิดกับมาตรฐานของนักการเมืองที่ลงเลือกตั้ง ต้องถูกตรวจสอบ ห้ามเป็นติดต่อกันกี่สมัยนั้น มีกฎกติกาตรวจสอบอยู่.-สำนักข่าวไทย