รพ.สมุทรปราการ ใช้ไอที ลดแออัด ลดรอคอย

สธ.6 พ.ค.-รพ.สมุทรปราการ รุก ‘สมาร์ท ฮอสปิทัล’ ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ลดแออัด ลดรอคอย เชื่อมโยงระบบข้อมูลกับโรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ส่งต่อผู้ป่วยด้วยระบบบล็อกเชน และปัญญาประดิษฐ์ช่วยจัดยา อ่านฟิล์มเอกซเรย์  อ่านภาพจอประสาทตา


นพ.โสภณ  เมฆธน  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเยี่ยมติดตามความก้าวหน้าระบบงานเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงพยาบาลสมุทรปราการ ว่า โรงพยาบาลสมุทรปราการ ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการให้โรงพยาบาลทุกแห่ง เป็นสมาร์ท ฮอสปิทัล (Smart Hospital) สามารถลดความแออัด ลดระยะเวลารอคอยการรักษาผู้ป่วยนัดจาก 440 นาที เหลือเพียง 120 นาที 


โดยได้ปรับภูมิทัศน์และโครงสร้างพื้นฐาน สะอาด สวยงาม สะดวก นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการและระบบบริการ เช่น ใช้บัตรสมาร์ทการ์ดใบเดียว ให้บริการอัตโนมัติในการตรวจสอบสิทธิ  การระบุตัวผู้ป่วย มีระบบนัดหมายออนไลน์/เหลื่อมเวลา จอภาพบอกคิวการรักษาในจุดบริการที่มีผู้รับบริการมาก แพทย์บันทึกข้อมูลการรักษาลงในระบบสารสนเทศโรงพยาบาล (Hospital Information System : HIS) และสั่งยาด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์โดยใช้เสียงสั่งพิมพ์ (Paperless) ต่างกับระบบแพทย์บันทึกข้อมูลการรักษาบนกระดาษ แล้ว scan เก็บไว้  จัดยาด้วยปัญญาประดิษฐ์ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเชื่อมต่อข้อมูลผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลสมุทรปราการกับโรงพยาบาลชุมชนทั้ง 5 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขตเมือง 21 แห่ง ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลผู้ป่วย (Block Chain) รวมทั้งมีการจัดทำฐานข้อมูลบริการและทรัพยากรของโรงพยาบาล (Big Data) ที่เป็นปัจจุบันและเชื่อมโยงกันทุกระบบ ทำให้ผู้บริหารมีข้อมูลสำหรับวางแผนการบริหารจัดการโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ด้าน พญ.ฤทัย วรรธนวินิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรปราการ กล่าวว่า โรงพยาบาลมีนโยบายชัดเจนที่จะพัฒนาสู่สมาร์ท ฮอสปิทัล เริ่มตั้งแต่ปี 2560 โดยมีทีมเจ้าหน้าที่ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาให้มีความรู้ทักษะในการใช้เทคโนโลยี เพื่อร่วมกันออกแบบรูปแบบบริการใหม่ (Redesign workflow) ลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น  ด้วยแนวคิดลีน (Lean) เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง และเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้เสริมบริการให้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดระยะเวลารอคอยการรักษา ตั้งเป้าหมายในปี 2564 ขั้นตอนบริการผู้ป่วยนอกให้เหลือ 3 ขั้นตอน จากเดิม 11 ขั้นตอน ใช้เวลาเพียง 24 นาที คือ 1.คัดกรอง ซักประวัติ ตรวจร่างกาย เตรียมตัวก่อนเข้าตรวจ ผ่านเครื่องมือ IOT ร่วมกับ AI Chatbot 8 นาที 2.พบแพทย์และแนะนำผู้ป่วยหลังตรวจ 8 นาที และ 3.รับยาและจ่ายเงินผ่านเครื่องคีออส (Kiosk) 8 นาที  

นอกจากนี้ส่งเสริมศักยภาพ รพ.สต. ให้สามารถดูแลผู้ป่วยเบื้องต้นได้  มีระบบการปรึกษาทางไกล (Telemedicine) ให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง