สรท.ยันส่งออกไทยทั้งปีโตได้แค่ร้อยละ 3

กรุงเทพฯ 2 พ.ค. – สรท.ยันส่งออกไทยทั้งปีโตได้แค่ร้อยละ 3 หวังได้รัฐบาลใหม่ไม่มีความวุ่นวาย เพื่อเรียกความเชื่อมั่นสายตาต่างชาติ


น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า จากตัวเลขการส่งออกเดือนมีนาคม 2562 ไทยกลับมาติดลบอีกครั้งร้อยละ 4.9 โดยมีมูลค่า 21,440 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้การส่งออกไตรมาสแรกปีนี้โดยรวมติดลบร้อยละ 1.6 หรือมีมูลค่า 61,987.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น เกิดจากความวิตกกังวลปัญหาสงครามการค้าสหรัฐและจีน แม้ว่าจะมีการเจรจาของทั้ง 2 ประเทศที่ดูว่าจะมีทางออก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะสรุปแนวทางร่วมกันอย่างไร จึงเป็นสาเหตุหลักของการวิตกกังวลส่งผลให้การส่งออกทั่วโลกยังไม่ดีมากนัก และยังเชื่อว่าไตรมาส 2 คงจะยังไม่ติดลบมากนอกจากนี้ ประกอบกับทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนยังมีความผันผวน รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันเริ่มกลับมามีราคาสูงขึ้นในตลาดโลก ทำให้เป็นตัวกดดันภาคการส่งออกเดือนมีนาคมและไตรมาสแรก

อย่างไรก็ตาม สรท.ประเมินภาพรวมการส่งออกปีนี้ คาดว่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 3 หรือเฉลี่ยต่อเดือน 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้มาก แต่หากจะให้โตถึงร้อยละ 5 จะต้องผลักดันส่งออกในช่วง 9 เดือนที่เหลือต่อเดือนไม่ต่ำ 22,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าลำบากพอสมควร ดังนั้น ตัวเลขการส่งออกที่ประเมินไว้ว่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 3 บนสมมติฐานค่าเงินบาท 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 3.2 เป็นต้น


ทั้ง สรท.มีข้อเสนอแนะสำคัญต่อรัฐบาลใหม่ ประกอบด้วย 1.ภาครัฐควรสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของภูมิภาค ซึ่งปัจจัยของการปรับปรุงเรื่องกฎระเบียบการค้าให้เหมาะสม ลดขั้นตอนทางกฎหมายที่มีความซ้ำซ้อนออก (Regulatory Guillotine) รวมถึงขั้นตอนการขออนุญาตให้นำเข้าวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตแล้วส่งออก เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการให้สามารถส่งออกและส่งเสริมให้เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) เป็นฐานการผลิตของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง 2.ความแปรปรวนจากภูมิอากาศที่ร้อนจัดก่อให้เกิดภัยแล้งในปัจจุบัน ภาครัฐควรสนับสนุนให้เกษตรกรจัดการพื้นที่ปลูกพืชตามความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ (Agriculture Zoning) รวมถึงการทำเกษตรพันธะสัญญา (Contract Farming) ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งเกษตรกรและผู้ส่งออกสินค้าเกษตร เนื่องจากจะทำให้ได้สินค้ามีคุณภาพดีและการจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าเกษตรได้ และ 3.ภาครัฐควรเร่งจัดกิจกรรม Roadshow เพื่อพานักธุรกิจไทยไปเปิดตลาดและเจรจาการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากเห็นมากสุด คือ สงครามการค้าสหรัฐและจีนยุติลง รวมถึงหน้าตารัฐบาลใหม่ออกมาอย่างไม่มีปัญหาความวุ่นวายตามมาและการเพิ่มอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่จะมีความชัดเจนวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ หากปรับเพิ่มมากเกินไปก็จะกระทบต่ออุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) อย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” คดี “แบงค์ เลสเตอร์”

ผบช.ภ.2 เผยคดี “แบงค์ เลสเตอร์” แจ้งข้อหา “เอ็ม” กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มอบตัวรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คุมฝากขังค้านประกันตัว

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น

วันแรก ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน

สถิติวันแรก 10 วันอันตราย ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน​ “เพิ่มพูน” เน้นทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เข้มเรื่องกฎหมาย