กทม. 1 พ.ค. – สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านกีฬา ดังที่ปรากฏในบันทึกของสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเล่นกีฬามาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ทรงเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนจิตรลดา ได้รับการฝึกสอนจากพระอาจารย์ พล.ต.สำเริง ไชยยงค์ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดโอลิมปิก เมลเบิร์น ค.ศ.1956 ซึ่งถือเป็นปรมาจารย์ฟุตบอลเมืองไทย
พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม ณ พระตำหนักทับแก้ว พระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม ได้เก็บพระฉายาลักษณ์ขณะทรงเป็นนักฟุตบอลไว้ภายใน เพื่อแสดงให้ประชาชนได้เห็นถึงพระปรีชาสามารถด้านกีฬา
สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ บันทึกไว้ว่า พระองค์ทรงเริ่มเล่นในตำแหน่งกองหน้า ทรงนำทีมโรงเรียนจิตรลดาชนะเลิศฟุตบอลประเพณีโรงเรียนจิตรลดา-โรงเรียนปานะพันธุ์ และเมื่อครั้งที่ทรงศึกษาในต่างประเทศ ยังทรงเล่นฟุตบอลทั้งในตำแหน่งกองหน้าและกองหลัง โดยทรงมีส่วนสำคัญในการช่วยให้โรงเรียนนายร้อยดันทรูน ประเทศออสเตรเลีย ชนะเลิศฟุตบอลระดับอุดมศึกษาของประเทศ
เมื่อทรงสำเร็จการศึกษา เสด็จพระราชดำเนินกลับสู่ประเทศไทย ทรงเล่นฟุตบอลกับข้าราชบริพาร ทหาร ตำรวจ และประชาชนในระหว่างเสด็จพระราชดำเนินไปตามสถานที่ต่าง ๆ บ่อยครั้ง จนมีบันทึกในราชกิจจานุเบกษาครั้งเฉลิมพระเกียรติว่า “เจ้าฟ้าดาราลูกหนัง” ของปวงชนชาวไทย และปรากฏพระฉายาลักษณ์บนสูจิบัตรฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 4 ในปี 2514
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2561 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชานุญาตให้จัดงาน อุ่นไอรัก คลายความหนาว “สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” และทรงจักรยานนำประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” ทรงจักรยานนำประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม ผ่านตามเส้นทางประวัติศาสตร์ จากพระลานพระราชวังดุสิต ถึงสวนสุขภาพ คลองลัดโพธิ์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การบริหารจัดการน้ำคลองลัดโพธิ์ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยมีประชาชนจำนวนมากร่วมในขบวนจักรยาน
แสดงให้เห็นว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านกีฬา และทรงเป็นผู้นำแบบอย่างให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังทรงสนับสนุนพระราชธิดาทั้งสองพระองค์ ทรงเล่นกีฬาจนทรงเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ และเป็นความภาคภูมิใจของปวงชนชาวไทย. – สำนักข่าวไทย