อาเซียนหนุนยุทธศาสตร์ BRI เพื่อประโยชน์ทุกฝ่าย

กรุงปักกิ่ง 26 เม.ย.- อาเซียนพร้อมหนุนยุทธศาสตร์ BRI นายกฯ ในฐานะประธานอาเซียน ย้ำ ร่วมมือใกล้ชิดและสร้างสรรค์ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อประโยชน์ทุกฝ่าย  เชิญชวนจีนให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ ACMECs เพื่อขับเคลื่อน BRI ในอาเซียน 


“จิตตานันท์ นิกรยานนท์” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง  (Belt and Road Forum for International Cooperation – BRF)  ครั้งที่ 2 ที่ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 26-27 เมษายน รายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ในโอกาสเข้าร่วมประชุมระดับสูง (High Level Meeting) ในช่วงการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRF) ครั้งที่ 2 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติจีน

นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ในนามของประธานอาเซียน  รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางในครั้งนี้ และขอบคุณรัฐบาลจีนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น อาเซียนและไทยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีนมายาวนาน จึงรู้สึกชื่นชมและยินดีที่ได้เห็นจีนพัฒนาเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด จนเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเอเชียและของโลก  ไทยในฐานะประธานอาเซียน มีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนความสัมพันธ์ที่สำคัญนี้ ให้ก้าวหน้าต่อไปภายใต้แนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน”


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative – BRI) เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่จะกำหนดทิศทางการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ของโลกต่อไป โดย BRI มีความสอดคล้องกับเป้าหมายและหลักการของอาเซียนและประเทศในภูมิภาค คือ จะช่วยส่งเสริมความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง สันติภาพและอนาคตร่วมกัน ต้องร่วมมือกันรักษาและส่งเสริมบรรยากาศแห่งสันติภาพและความร่วมมือทั้งในระดับอนุภูมิภาค ภูมิภาคและโลก 

“ผมมีความยินดีที่ประเทศที่ร่วมสนับสนุน BRI ยึดมั่นในหลักการของความร่วมมือที่เปิดกว้างและครอบคลุมอย่างสร้างสรรค์และฉันท์มิตร บนหลักการ 3 เอ็ม (3Ms) ของอาเซียน คือ การไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน ความเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน ยืนยันว่า ไทยจะมุ่งสร้างความร่วมมือกับหุ้นส่วนทั้งในและนอกภูมิภาค บนพื้นฐานของความโปร่งใสและความผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของ BRI ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว


 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ไทยและอาเซียนเห็นว่า การเชื่อมโยงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs ) ดังนั้น จึงต้องเร่งรัดความร่วมมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเชื่อมโยงทั้ง 4 ด้านได้แก่ ความเชื่อมโยงทางกายภาพ กฎระเบียบ ดิจิทัล และประชาชนให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว   โดยไทยร่วมกับอาเซียนในการขับเคลื่อนแม่บทของอาเซียนว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (MPAC 2025) และแผนแม่บทข้อตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศลุ่มแม่น้ำอิระวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (ACMECS Master Plan ปี ค.ศ. 2019-2023 ) จึงขอเชิญชวนจีนให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ ACMECs เพื่อขับเคลื่อน BRI ในอาเซียนและการส่งเสริมแนวคิด การเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยง

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้านกฎระเบียบ  มีการเร่งรัดการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP ) ที่ไทยตั้งเป้าที่จะผลักดันให้ได้ข้อสรุปภายในปีนี้ รวมทั้ง การใช้ประโยชน์จาก ASEAN Single Window ด้านดิจิทัล เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ และสร้างโอกาสให้ชุมชนห่างไกล ชุมชนด้อยโอกาสต่าง ๆ ไทยจึงยินดีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสนใจจะร่วมมือกับจีนและฮ่องกงในโครงการเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกระบบใหม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ด้านประชาชน  ยุทธศาสตร์ BRI จะช่วยส่งเสริมความมั่งคั่งที่ยั่งยืน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ไทยต้องเร่งดำเนินการ เพื่อพร้อมรับการปลี่ยนแปลงและความท้าทายใหม่ ๆ เพื่อให้ “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ของการพัฒนา  ไทยให้ความสำคัญต่อระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ  โปร่งใส เปิดกว้างและครอบคลุม และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และ ร่วมมือกันจัดหาแหล่งเงินทุน เพื่อสนับสนุนโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ BRI ที่สอดคล้องกับมาตรฐานและความต้องการของพลเมือง  ซึ่งอาจเป็นรูปแบบของกองทุนสำหรับการพัฒนาเป็นการเฉพาะ ซึ่งในส่วนของอาเซียน เป็นเรื่องน่ายินดีที่ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของอาเซียนมีดำริเกี่ยวกับการส่งเสริมแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบพื้นฐานที่ยั่งยืน 

“ไทยต้องการเห็นยุทธศาสตร์ BRI ประสบความสำเร็จ และต้องการเห็นไทย อาเซียน จีน และมิตรประเทศทุกประเทศ ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดอย่างฉันท์มิตร สร้างสรรค์  เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อสันติภาพของภูมิภาคและของโลก และเพื่อการพัฒนามั่งคั่งของพลเมืองของเรา โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายกรัฐมนตรี กล่าว        ..- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย