พรรคประชาธิปัตย์ 23 เม.ย.-ปชป.เคาะ เลือก หน.พรรคใหม่ 15 พ.ค. เพิ่มผู้สมัครส.ส.เขต-บัญชีรายชื่อ 25 คน ร่วมเป็นโหวตเตอร์ ส่วนร่วม-ไม่ร่วมรัฐบาล รอ กก.บห.-ส.ส.ใหม่ตัดสิน ย้ำพิจารณาทุกปัจจัย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรค ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่มีนายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ เป็นประธาน คือ กำหนดให้จัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกกรรมกาบริหารพรรคชุดใหม่ วันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. โดยการเลือกครั้งนี้มีมติงดเว้นการทำไพรมารี เพราะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานการณ์ โดยวิธีการในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคนั้น ให้เสนอชื่อในที่ประชุมวันที่ 15 พฤษภาคม และให้ผู้ประสงค์รับการเลือกเป็นหัวหน้าพรรค แสดงวิสัยทัศน์คนละ 15 นาที รวมทั้งตั้งอนุกรรมการ 3 ชุด ดำเนินการให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย คือ อนุกรรมการจัดการประชุมใหญ่ , อนุกรรมการจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และอนุกรรมการกำกับวินิจฉัยประกาศผลเลือกตั้ง มอบหมายให้เลขาธิการพรรค ดำเนินการ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ส่วนองค์ประชุมใหญ่ที่จะมีสิทธิลงคะแนนเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ มีทั้งหมด 307 คน ประกอบด้วย 19 กลุ่มตามข้อบังคับพรรค แบ่งเป็นสองส่วน คือ 1. ส.ส.ชุดใหม่ที่ได้รับการเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมาแต่ต้องรอการประกาศผลอย่างเป็นทางการของ กกต.ก่อน โดย ส.ส.ใหม่จะมีน้ำหนักร้อยละ 70 เมื่อนำมาคำนวณคะแนนเลือกตั้ง 2.กรรมการบริหารพรรคชุดเก่า อดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค กลุ่มผู้บริหารท้องถิ่น หรือสภาท้องถิ่นที่ลงสมัครในนามพรรค กลุ่มหัวหน้าสาขาพรรค หรือตัวแทนจังหวัด กลุ่มตัวแทนผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งชุดล่าสุด ประกอบด้วย ตัวแทนผู้สมัครบัญชีรายชื่อ 7 คน ตัวแทนผู้สมัครส.ส.เขต 18 คน ซึ่งมีรายชื่อครบแล้ว โดยทั้งหมดจะเป็นองค์ประชุมในการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ส่วนอื่น ๆ ยังเป็นไปตามข้อบังคับพรรค มีรองหัวหน้าพรรคจากสองส่วน คือ รองหัวหน้าพรรคภารกิจ 8 คน รองหัวหน้าภาค 5 ภาครวม 13 คน
“ในการประชุมใหญ่วันที่ 15 พฤษภาคม จะดำเนินการเฉพาะการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งชุดใหม่เท่านั้น ยังไม่มีการตัดสินใจทางการเมืองเกี่ยวกับการจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วมรัฐบาล โดยในส่วนนี้ จะเป็นอำนาจของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และ ส.ส.ใหม่เป็นผู้พิจารณา ซึ่งหลังจากที่ กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ก็จะมีการประชุม ส.ส.พรรค หากมีกรณีที่ต้องตัดสินใจทางการเมือง จะต้องประชุมร่วมกับกรรมการบริหารพรรค ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดเวลาได้ เพราะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและสถานการณ์ในขณะนั้น ทั้งนี้แม้พรรคจะมีแนวคิดทางการเมืองเกี่ยวกับการร่วมรัฐบาลออกเป็นสองแนวทาง ก็ถือเป็นเรื่องปกติของความแตกต่างทางความคิด เพราะในระบอบประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องเห็นตรงกันทุกเรื่อง แต่สุดท้ายพรรคมีกลไกตัดสิน คือ ที่ประชุมร่วม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคมีมติอย่างไร เชื่อว่าสมาชิกจะยอมรับมตินั้น โดยไม่คิดว่าจะมีการแหกคอกเหมือนที่มีการวิเคราะห์ในขณะนี้ จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงมาตรการในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว โดยการตัดสินใจทางการเมืองจะต้องพิจารณาทุกปัจจัย รวมถึงกรณีที่พรรคเคยประกาศจุดยืนทางการเมืองในการหาเสียงที่ผ่านมาด้วย” นายจุรินทร์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย