รวมมิตรเศรษฐกิจเรื่องร้อน รวมเรื่องปวดใจคนไทย

กรุงเทพฯ 22 เม.ย.-บ่นกันระงมค่าโดยสารรถสาธารณะขยับขึ้นวันนี้ แถมค่าไฟแพงเปิดแอร์บรรเทาร้อน โซเชียลแชร์บิดเบือนระบุค่าเอฟทีขึ้น 4 บาท/หน่วย รัฐมนตรีพลังงานแจงขึ้นแค่ 4 สตางค์เศษเท่านั้น


วันนี้นับเป็นวันที่เรื่องราวทางข่าวเศรษฐกิจร้อนแรงไม่แพ้อุณหภูมิอากาศที่ร้อนจะมีหลากหลายเรื่องจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น  ศาลปกครองสูงสุด ได้อ่านคำพิพากษายกคำร้อง กรณีให้เพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ คดีโฮปเวลล์ และให้ กระทรวงคมนาคม โดยรฟท. ต้องจ่ายคืนเงินค่าก่อสร้างแก่บริษัทโฮปเวลล์รวม 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ภายใน 180 วัน โครงการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2533 แต่เกิดปัญหาต้มยำกุ้งโครงการหยุดก่อสร้งปี 40-41 ทั้งโฮปเวลล์ต่างโทษกันไปมาว่าเป็นความผิดของแต่ละฝ่าย ต่างคนต่างฟ้องศาล ปี 51 อนุญาโตตุลาการชี้ขาดให้กระทรวงคมนาคมต้องจ่ายค่าเสียหายให้โฮปเวลล์,ปี 2557 ศาลปกครองกลางเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ ,โฮปเวลล์ยื่นอุทธณ์ และศาลปกครองสูงสุดก็ได้มีคำพิพากในวันนี้ ซึ่งที่ผ่านมาตอม่อโฮปเวลล์ที่ตั้งอยู่ริมถนนวิภาวดี-รังสิตเป็นเหมือนอนุสาวรีย์เตือนความจำยาวนานมาเกือบ 30 ปี แต่มาวันนี้ถูกรื้อถอนไปแล้ว เพื่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง แต่สิ่งที่บาดลึกในวันนี้ คือคนไทยต้องจ่ายกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากโครงการโฮปเวลล์นี้เลย โดยวันพรุ่งนี้ทั้ง ครม. และบอร์ดการรถไฟก็จะมีการหารือในประเด็นแนวทางปฏิบัติ ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด


วันนี้ก็เป็นวันขึ้นค่าโดยสารรถสาณะทั้งรถเมล์ รถบขส. และรถร่วมเป็นวันแรกหากไปดูในโซเชียลมีเดียก็บ่นกันระงม บางคนโยงไปการเมืองตอนก่อนเลือกตั้งไม่ขึ้นราคา มีการหาเสียงช่วยค่าครองชีพแต่หลังเลือกตั้งก็ขึ้นราคาแสนแสนแพง ซึ่งทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไปยื่นฟ้องคัดค้านและศาลปกครองกลางนัดไต่สวนวันนี้ แต่ยังไม่มีคำสั่ง เนื่องจากศาลฯ ขอข้อมูลต้นทุนการเดินรถจาก ขสมก. และ บขส. เพื่อพิจารณาประกอบก่อนจะมีคำสั่งวันที่ 24 เมษายนนี้ 


นางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง กล่าวว่า การขึ้นค่าโดยสารมีความจำเป็น เพราะต้นทุนการเดินรถผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระอย่างหนัก และจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบก ระบุว่าผู้ประกอบการต้องเลิกการเดินรถประมาณ 500 คัน แต่ข้อเท็จจริงขอยืนยันว่าผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงราคาก๊าซที่ปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหยุดเดินรถไปแล้ว 2,000 คัน และหากครั้งนี้ไม่ได้ปรับอีกผู้ประกอบการอีกกว่า 1,000 คันต้องออกจากอาชีพ

ซึ่งเรื่องราคาก๊าซเอ็นจีวีนั้น นายศิริ จิระพงพษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ชี้แจงว่า ราคาปัจจุบันปตท.จำหน่ายแก่รถสาธารณะด้วยวงเงินอุดหนุน 6 บาท/กก. โดยราคาขายทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 16 บาท/กก. แต่ขายรถสาธารณะทั้งแท็กซี่ รถตู้ รถร่วมบริการที่ 10.60 บาท/กก. อย่างไรก็ตาม การขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะวันนี้ ตามมติคณะกรรมขนส่งทางบกกลางกันนั้น ได้มีการคำนวณรวมราคาเอ็นจีวีที่ลอยตัว หรือพูดง่ายๆคือ สะท้อนราคารถสาธารณะที่จะต้องรับภาระ ราคาเอ็นจีวีที่ขึ้น 6 บาท/กก. คือปรับจาก 10.60 บาท/กก.เป็น 16 บาท/กก.แล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อร่วมลดภาระของผู้ประกอบการขนส่งให้มีกำไรเหลือบ้าง

ทาง คณะกรรมการนโยบายพลังงาน หรือ กบง.ประชุมเมื่อวันศุกร์จึงมีมติให้ ทยอยปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีรถสาธารณะ คือทยอยปรับขึ้นครั้งละ 1 บาท/กก. รวม 3 บาท/กก. ภายในเวลา 8 เดือน คือจะเริ่มขึ้นวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ แล้วอีก 4 เดือนก็ปรับขึ้นอีก 1 บาท และหลังจากนั้นอีก 4 เดือนก็ปรับขึ้นอีก 1 บาท รวมแล้วก็จะขยับจาก 10.60 บาท/กก. เป็น 13.60 บาท/กก. ในกลางเดือนมกราคมปีหน้า โดยในส่วนต่างกับราคาลอยตัว อีก 3 บาท/กก.นี้ ทาง บมจ.ปตท.ก็จะเป็นผู้รับภาระไปก่อน 

รมว.พลังงาน ยังระบุด้วยว่า มติ กบง. เมื่อวันศุกร์ยังเห็นชอบให้ประกาศมาตรฐานน้ำมันไบโอดีเซล บี 10 และปั๊มทั่วไปจะเริ่มขายตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. ในราคาต่ำกว่า บี 7 ที่ 1 บาท/ลิตร ซึ่งรถค่ายญี่ปุ่นและเชฟโรเล็ตยอมรับมาตรฐานบี 7 แล้ว แต่ค่ายรถยุโรปยังไม่ยอมรับ เพราฉะนั้นปั๊มทั่วไปก็จะสามารถเลือกการจำหน่ายบี 7 ,บี10 และบี 20 ซึ่งรัฐมนตรีพลังงานก็คาดว่าด้วยราคาน้ำมันที่ต่ำก็จะดึงดูดให้เกิดการใช้บี 10 มากกว่า บี 7 และภาพรวมแล้ว จะทำให้การใช้น้ำมันปาล์มดิบ หรือซีพีโอในการผลิตน้ำมันสูงถึง 2.5 ล้านตัน/ปี ช่วยดึงราคาปาล์มให้สูงขึ้น พร้อมทั้งเผยว่า กฟผ.ได้ซื้อซีพีโอผลิตไฟฟ้าครบแล้ว 1.6 แสนตัน และกำลังพิจารณาว่าจะซื้อเพิ่มหรือไม่โดยเป็นทางเลือกควบคู่กับแนวทางการส่งออกบี 100 ของ ปตท.รวมแล้วอาจซื้อซีพีโอมาเพื่อผลิตพลังงานอีก 1 แสนตัน ซึ่งภาพรวมการเร่งซื้อดังกล่าวก็ทำให้ราคาซีพีโอขยับขึ้นมาอยู่ที่15.25-15.75 บาท/กก. และผลปาล์มดิบขยับขึ้นจาก 2 บาท/กก.มาอยู่ที่ประมาณ 2.40-2.50 บาท/กก. นับเป็นราคาที่ยังต่ำกว่าคาดจึงต้องเร่งนำมาผลิตบี10 และบี20 โดยด่วน

เรื่องร้อนๆ อีกเรื่องอันเนื่องมาจากอากาศร้อน คนก็เปิดแอร์ดับร้อนเพิ่มขึ้น ค่าไฟฟ้าก็แพงขึ้นไปด้วย เพราะค่าไฟฟ้าเป็นอัตราก้าวหน้า ยิ่งใช้มากก็จ่ายแพง แต่ก็มีโซเชียลออกมาระบุว่าค่าไฟฟ้าแพงขึ้นเพราะค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือเอฟทีงวดนี้ ขยับขึ้น 4.30 บาท/หน่วย รัฐมนตรีพลังงาน ต้องออกมาชี้แจงบอกว่าไม่จริง อัตราที่ขึ้นตามต้นทุนเชื้อเพลิงคือ 4.30 สตางค์/หน่วยเท่านั้น พร้อมแนะว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้ามีส่วนสำคัญที่ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าตามมาตรการ ปิด-ปรับ-ปลด-เปลี่ยน โดยปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศมาอยู่ที่ระดับ 26-27 องศาเซลเซียส ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งานก็จะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ พร้อมเผยว่าตามแผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาวหรือพีดีพีฉบับใหม่ 20 ปีนี้ พยายามดูแลต้นทุนค่าไฟฟ้าให้ลดลงทั้งการประมูลแหล่งบงกชและเอราวัณรวมทั้งการแข่งขันนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี ซึ่งล่าสุดมีเอกชน 12 ราย เสนอแข่งขันขายให้กฟผ.นำเข้า 1.5 ล้านตัน/ปี เป็นเวลาสัญญา 8 ปี โดยราคาต้องต่ำกว่าสัญญาระยะยาวที่ ปตท.นำเข้า ซึ่งการแข่งขันที่รุนแรงนี้จะทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าต่ำที่สุด และคาดว่าการคัดเลือกจะเสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์นี้ และเริ่มนำเข้าล็อตแรก ก.ย.สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย