ชิคาโก 21 มี.ค.- โบอิง ชื่อนี้ครองน่านฟ้ามายาวนานกว่า 100 ปี ในฐานะผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลก แต่ในช่วงหลายปีมานี้ ชื่อเสียงได้กลายเป็นชื่อเสีย เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน สั่นคลอนความน่าเชื่อถือที่บริษัทสั่งสมมา โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัว ๆ ในเดือนนี้
จุดเริ่มต้นของการถูกจับตา
โบอิงเริ่มตกเป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่งในทางลบเมื่อเครื่องบินโบอิง 737 MAX 2 ลําเกิดอุบัติเหตุตกในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยในเดือนตุลาคม 2561 สายการบินไลอ้อนแอร์เที่ยวบินที่ JT 610 เกิดอุบัติเหตุตกที่อินโดนีเซียทำให้มีผู้เสียชีวิต 189 คน จากนั้นในเวลาห่างกันเพียง 5 เดือน ในเดือนมีนาคม 2562 สายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ ET302 เกิดอุบัติเหตุตกที่เอธิโอเปียหลังจากขึ้นบินเพียง 6 นาทีทำให้มีผู้เสียชีวิต 157 คน
จากการสอบสวนพบว่าปัญหาของอุบัติเหตุทั้ง 2 ครั้งมาจากการออกแบบเครื่องบินและระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ MCAS ที่ทำให้เครื่องบินตกในลักษณะเป็นแนวดิ่ง สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐสรุปผลการสอบสวนในปี 2563 ว่า บริษัทโบอิงไม่ให้ความสำคัญต่อความกังวลของพนักงาน และบกพร่องในการรายงานข้อเท็จจริงที่โปร่งใสต่อสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐหรือเอฟเอเอ (FAA)
เปิดศักราช 2567 ด้วยแผงปิดประตูหลุด
ข่าวอุบัติเหตุของเครื่องบินโบอิงซาไปได้ไม่นาน แล้วก็กลับมาเป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกครั้งตั้งแต่เปิดศักราชปี 2567 ในวันที่ 6 มกราคม เมื่อแผงปิดประตูเครื่องบินโบอิง 737 MAX 9 ของสายการบินอะแลสกาแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 1282 บินออกจากรัฐออริกอนไปยังแคลิฟอร์เนียเกิดหลุดร่วงออกจากตัวเครื่องขณะบินอยู่ที่ระดับความสูง 16,000 ฟุต เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ที่ตัวเครื่อง โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร เอฟเอเอสั่งจอดเครื่องบินโบอิง 737 MAX 9 ทั้งหมด 171 ลำและตรวจสอบกระบวนการผลิตของโบอิงว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่
มีนาคม 2567 เดือนชงของโบอิง
9 มีนาคม คนเปิดโปงฆ่าตัวตาย
เดือนมีนาคมนี้เกิดเหตุร้ายถาโถม ราวกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดในเดือนชงของโบอิง เริ่มจากเหตุอดีตพนักงานผู้เปิดโปงโบอิงฆ่าตัวตายเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ตำรวจชาร์ลส์ตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนาแจ้งว่า นายจอห์น บาร์เน็ตต์ วัย 62 ปี อดีตผู้จัดการฝ่ายควบคุมคุณภาพของโบอิงยิงตัวตายบนรถในที่จอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองชาร์ลสตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา ไม่กี่วันหลังจากที่เขาถูกทนายความของโบอิงซักถามหลายครั้ง บาร์เน็ตต์ทำงานกับโบอิงมานานกว่า 30 ปี และเกษียณอายุในปี 2560
เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีในปี 2562 ว่า พบปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับระบบออกซิเจนของเครื่องบินโบอิง 787 ดรีมไลน์เนอร์ นอกจากนั้นยังพบว่าชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานหลายรายการถูกนำมาประกอบในไลน์การผลิตเครื่องบินเพื่อไม่ให้การส่งมอบล่าช้า เขาได้แจ้งปัญหาดังกล่าวให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ แต่บริษัทไม่ได้ดำเนินการใดๆ โบอิงปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ต่อมานายบาร์เน็ตต์ได้ยื่นฟ้องโบอิงโดยกล่าวหาว่าบริษัททำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงและสร้างความเสียหายให้กับอาชีพของเขาจากการที่เขารายงานปัญหาที่เกิดขึ้นต่อผู้บังคับบัญชา โบอิงปฏิเสธข้อกล่าวหานี้เช่นกัน
11 มีนาคม เครื่องดิ่ง-ล้อหลุด-ไถลนอกทางวิ่ง
เครื่องบินโบอิง 787 ดรีมไลน์เนอร์ ดิ่งกลางอากาศเพราะสูญเสียการควบคุมระหว่างเดินทางจากนครซิดนีย์ของออสเตรเลียไปยังเมืองโอ๊คแลนด์ของนิวซีแลนด์ ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 50 คน โบอิงชี้แจงว่า เกิดจากการที่ลูกเรือเผลอไปโดนสวิตช์ที่นั่งของกัปตันขณะทำการบินทำให้นักบินเสียการควบคุมและเครื่องดิ่งหัวลงในทันที
และในวันเดียวกัน สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ โบอิง 777-200 เดินทางออกจากสนามบินซาน ฟรานซิสโกแล้วต้องไปลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส เพราะเกิดเหตุล้อหลุดกลางอากาศขณะนำเครื่องขึ้น และเครื่องบินโบอิง 737 MAX ของสายการบินเดียวกันเกิดเหตุลื่นไถลออกนอกทางวิ่งหลังจากลงจอดที่สนามบินฮิวสตันในรัฐเท็กซัส
13 มีนาคม ล้อแบน
เครื่องบินโบอิง 777 ของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส เมื่อนักบินรายงานว่ายางล้อแบนหลังจากนำเครื่องขึ้นจากสนามบินนานาชาติ ดัลลาส ฟอร์ต เวิร์ธ อเมริกันแอร์ไลน์แจ้งว่าเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัยและผู้โดยสารไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ในวันเดียวกัน คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐหรือเอ็นทีเอสบี (NTSB) ได้ส่งจดหมายไปถึงคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ วิทยาศาสตร์และการขนส่งกล่าวหาโบอิงว่า ลบข้อมูลการซ่อมบำรุงจากเหตุแผ่นปิดประตูของสายการบินอะแลสกาแอร์ไลน์หลุดในเดือนมกราคม ข้อมูลที่หายไปทำให้พวกเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นคนซ่อมและนำแผ่นปิดประตูกลับเข้าไปใส่เครื่องบินลำจนเกิดเหตุแผ่นปิดประตูหลุดกลางอากาศ
ศุกร์ที่ 15 มีนาคม แผงนอกตัวเครื่องหลุด
เครื่องบินโบอิง 737 ซึ่งเดินทางออกจากสนามบินซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียถูกพบว่าแผงนอกตัวเครื่องหลุดหายไปหลังลงจอดที่สนามบินในเมืองเมดฟอร์ด รัฐออริกอน โดยไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ชิ้นส่วนหลุดกลางอากาศ เรื่องใหญ่ของโบอิง
เอฟเอเอแถลงเมื่อต้นเดือนมีนาคมว่า จากการตรวจสอบกระบวนการผลิตของโบอิงและสปิริต แอโรซิสเต็มส์ (Spirit Aerosystems) บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับเครื่องบินโบอิง 737 Max เป็นเวลา 6 สัปดาห์พบว่ามีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นจากการผลิตที่ไม่เป็นไปตามข้อกําหนดและมาตรฐานการผลิต นอกจากนี้ยังมีรายงานจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของโบอิงว่า เกิดช่องว่างระหว่างผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกับพนักงาน และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าพนักงานลังเลที่จะรายงานปัญหาให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพราะกลัวจะถูกบริษัทเล่นงาน
ขณะเดียวกันก็มีหลักฐานออกมาเพิ่มเติมว่าปัญหาในสายงานการผลิตของโบอิงอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเครื่องบิน เอฟเอเอเตือนว่า ชุดสายไฟที่ได้รับการติดตั้งอย่างไม่ถูกต้องบนเครื่องบิน 737 Max อาจเกิดความเสียหาย ส่งผลต่อการควบคุมปีกเครื่องบินและทําให้เครื่องบินเสียการทรงตัว โบอิงรับปากว่าจะดําเนินการแก้ไขในทันที รวมทั้งจะปรับปรุงแผนปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและคุณภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับให้กับลูกค้าและผู้โดยสารของโบอิง
ปัญหาโบอิงคือปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ-โลก
นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าวิกฤตของโบอิงอาจส่งผลให้ค่าตั๋วโดยสารแพงขึ้นและทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอ่อนแอลง จากการที่โบอิงเป็น 1 ใน 2 บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินขนาดใหญ่ของโลก มีพนักงานมากกว่า 140,000 คนทั่วโลก และสร้างรายได้หลายหมื่นล้านในแต่ละไตรมาส การผลิตเครื่องบินของโบอิงจึงมีส่วนสําคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐและของโลก เพราะผู้คนจำนวนมากต่างต้องพึ่งพาโบอิงไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ธุรกิจขนส่ง หรืองานในตำแหน่งต่างๆ
ค่าโดยสารแพงขึ้น
อุบัติเหตุกลางอากาศของโบอิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์แผงประตู 737 Max ของสายการบิน อะแลสกาแอร์ไลน์ที่หลุดร่วงกลางอากาศทำให้บริษัทจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา ขณะเดียวกันการที่โบอิงชะลอการผลิตเครื่องบิน 737 Max รุ่นยอดนิยมออกไปส่งผลให้การส่งมอบล่าช้ากว่ากำหนดและทำให้สายการบินต้องจำกัดเที่ยวบิน เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ โบอิงได้จัดส่งเครื่องบินโบอิง Max จำนวน 17 ลํา ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่จัดส่งในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
นักเศรษฐศาสตร์อธิบายว่า การที่เครื่องบินผลิตได้น้อยลงหมายความว่าความต้องการใช้บริการของสายการบินจะมีมากกว่าปริมาณของเครื่องบินที่สามารถรองรับได้ และนั่นจะส่งผลต่อค่าโดยสารที่แพงขึ้น ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาพบว่าค่าโดยสารแพงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาค่าโดยสารแพงขึ้น 3.6%
โบอิงยืนยันว่า จะไม่ลดการจ้างงานแม้ว่าความต้องการเครื่องบินจะลดน้อยลง เพราะต้องการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่ค่าแรงที่สูงขึ้นจะทําให้โบอิงต้องสูญเสียเงินจำนวนมากและทําให้บริษัทต้องตกอยู่ภายใต้กับดักทางการเงินที่ลึกลงไปอีก ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการซ้ำเติมและสร้างความเสียหายให้กับราคาหุ้นของโบอิงที่ตกต่ำอยู่แล้ว
ผลลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ผลบวกต่อแอร์บัส
หลังจากโบอิงหยุดการผลิตเครื่องบิน 737 Max ในเดือนมกราคม 2563 และระงับการบินของเครื่องบิน737 Max หลังเกิดเหตุร้ายแรง 2 ครั้งในปี 2562 ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดประเมินว่าอาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของสหรัฐลดลง 0.4%
นอกจากนั้นการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ยังส่งผลกระทบรุนแรงและทำให้บริษัทต้องขาดทุนเป็นจำนวนเงินเกือบ 12,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 431,600 ล้านบาทในปี 2563
บทวิเคราะห์ของธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์กระบุว่า โบอิงเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการบูรณาการกับเครือข่ายการผลิตในประเทศ ดังนั้นการหยุดการผลิตของโบอิงอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อเศรษฐกิจในระดับมหภาค และเนื่องจากโบอิงเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดเพียงรายเดียวของสหรัฐ อุปสงค์ที่ลดลงจึงหมายถึงการส่งออกที่น้อยลงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของจีดีพี
ทั้งนี้แม้ว่าโบอิงไม่ได้ประกาศว่าจะหยุดผลิตเครื่องบินในทันทีแต่แผนการเพิ่มการผลิตเครื่องบิน โบอิง 737 Max ถูกระงับไปเนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างนำเสนอแผนงานด้านความปลอดภัยต่อเอฟเอเอ
ขณะเดียวกันปัญหาของโบอิงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้แอร์บัส บริษัทยุโรปที่เป็นคู่แข่งหลักได้รับอานิสงส์ และกำลังแซงหน้าโบอิงขึ้นเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดของโลก แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่สายการบินจะเปลี่ยนบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินให้กับตนในเวลาชั่วข้ามคืน แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าแอร์บัสมีแนวโน้มที่สดใส และหากสหรัฐนําเข้าเครื่องบินแอร์บัสเพิ่มขึ้นสําหรับสายการบินในประเทศนั่นหมายถึงจีดีพีของสหรัฐย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย
ผลกระทบต่อสายการบินทั่วโลก
ไรอันแอร์ สายการบินราคาประหยัดของไอร์แลนด์เตือนว่า ความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินลำใหม่จะทำให้ราคาค่าโดยสารสําหรับผู้โดยสารในยุโรปในฤดูร้อนนี้สูงขึ้น ขณะที่สายการบินเซาท์เวสต์ของสหรัฐมีแผนที่จะปรับลดจำนวนเที่ยวบินจากการที่โบอิงไม่สามารถส่งมอบเครื่องบินลำใหม่ได้ตามกำหนด ด้านสายการบินอื่น ๆ พยายามจัดหาเครื่องบินแอร์บัสมาทดแทน แต่การจะโอนคําสั่งซื้อจากโบอิงมายังฝั่งยุโรปไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ๆ นอกจากนั้นแอร์บัสเองก็มีปัญหากับห่วงโซ่อุปทานที่ทำให้การส่งมอบเครื่องบินต้องล่าช้าออกไปเช่นกัน
ทั้งนี้คำสั่งซื้อเครื่องบินของโบอิงและแอร์บัสมีเป็นจำนวนมาก โดยแอร์บัสมีเครื่องบินที่ต้องส่งมอบกว่า 8,000 ลําขณะที่โบอิงมีมากกว่า 6,000 ลํา อย่างไรก็ตามตลาดหวังว่าโบอิงจะกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแรงและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ผู้โดยสารอย่างเรา ๆ ควรกังวลกับปัญหาของโบอิงหรือไม่
โบอิง บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการบินและอวกาศของสหรัฐมีชื่อเสียงด้านความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศมานานหลายสิบปี โดยโบอิงและแอร์บัสต่างครองตลาดเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่มาตั้งแต่ปี 2533
แม้จะมีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายกับโบอิง แต่ก็ไม่สามารถเจาะจงลงไปได้ว่า ทั้งหมดเป็นความผิดของโบอิง เพราะเหตุการณ์ทั้ง 5 ครั้งที่เกิดขึ้นกับสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ดังต่อไปนี้ ล้วนมีปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมของบริษัทผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากการซ่อมบํารุง เศษวัสดุและชิ้นส่วนแปลกปลอม หรือความผิดพลาดของมนุษย์
เหตุการณ์ครั้งที่ 1 โบอิง 777 บินจากซานฟรานซิสโกไปยังญี่ปุ่นล้อหลุดขณะบินขึ้น เป็นปัญหาที่เกิดจากการซ่อมบํารุงไม่เกี่ยวกับโบอิง และเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยในนครลอสแอนเจลิส
เหตุการณ์ครั้งที่ 2 โบอิง 777-300 บินจากนครซิดนีย์ไปยังซานฟรานซิสโกต้องวกกลับไปลงจอดที่นครซิดนีย์หลังพบว่า น้ำมันไฮโดรลิกรั่วไหลออกจากตัวเครื่อง ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากการซ่อมบำรุง
เหตุการณ์ครั้งที่ 3 โบอิง 737-900 บินจากรัฐเท็กซัสไปยังรัฐฟลอริดาพบว่ามีชิ้นส่วนพลาสติกเข้าไปติดอยู่ในเครื่องยนต์ทําให้คอมเพรสเซอร์หยุดทํางานและเกิดไฟลุกไหม้
เหตุการณ์ครั้งที่ 4 โบอิง 737 MAX บินจากรัฐเทนเนสซีไปยังรัฐเท็กซัสพบว่าระบบฐานล้อมีปัญหาหลังจากลงจอดตามปกติ โดยนักบินสามารถประคองเครื่องไปจนสุดทางวิ่งก่อนจะไถลไปยังทางขับและตกลงไปในพงหญ้าโดยฐานล้อด้านซ้ายได้รับความเสียหาย
และเหตุการณ์ครั้งที่ 5 โบอิง 737-8 บินจากบาฮามาสไปยังรัฐนิวเจอร์ซีย์ นักบินรายงานว่า แป้นเหยียบบังคับการเลี้ยวของเครื่องบินเกิดปัญหาระหว่างลงจอด
โบอิงเปลี่ยนไป
นักวิจารณ์ระบุว่า วัฒนธรรมของโบอิงเปลี่ยนไปนับตั้งแต่แอร์บัสกลายมาเป็นคู่แข่งที่สําคัญของโบอิงในช่วงต้นปี 2543 บริษัทถูกกล่าวหาว่ามุ่งไปที่ผลกําไรมากกว่าการพัฒนาคุณภาพ
อดีตพนักงานแสดงความกังวลเรื่องตารางการผลิตที่รัดตัว กดดันพนักงานให้ต้องเร่งผลิตเครื่องบินให้ทันส่งตามกำหนดเวลา ประเด็นนี้ทําให้วิศวกรหลายคนตั้งคําถามถึงกระบวนการผลิตของโบอิง และทำให้เอฟเอเอต้องสั่งปรับโบอิงเรื่องควบคุมคุณภาพผิดพลาด หลังจากพบเครื่องมือและเศษวัสดุบนเครื่องบินที่ถูกตรวจสอบ
พนักงานหลายคนของโบอิงไปให้ปากคำต่อรัฐสภาสหรัฐในประเด็นเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพการผลิต และผลจากการตรวจสอบของรัฐสภาสหรัฐทำให้เอฟเอเอเริ่มเปิดการตรวจสอบกระบวนการผลิตของโบอิงอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
พนักงานโบอิงหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทมีอัตราการลาออกของพนักงานสูงมากในช่วงที่โควิดระบาด แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะโบอิงเท่านั้น เพราะกระบวนการผลิตและศูนย์ซ่อมบํารุงของสายการบินทั่วโลกต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ส่งผลให้วิศวกรซ่อมบํารุงรวมถึงนักบินที่มีคุณภาพขาดแคลน เหล่านี้ได้สร้างปัญหาหลายประการให้กับอุตสาหกรรมการบิน ขณะที่เวลานี้สายการบินและศูนย์ฝึกอบรมการซ่อมบํารุงทั่วโลกกําลังเร่งผลิตบุคลากรเพื่อทดแทนตำแหน่งงานที่หายไป แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเนื่องจากการจะหาวิศวกรหรือนักบินที่มีคุณภาพไม่สามารถทำได้ในเวลาชั่วข้ามคืน
TNA News-Now-Next: Final Thoughts ปัญหาของโบอิงเป็นปัญหาที่สร้างแรงกระเพื่อมไกลมาก ตั้งแต่สวัสดิภาพความปลอดภัยของผู้โดยสารอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ไปจนถึงอุตสาหกรรมการบินและเศรษฐกิจปากท้องในภาพรวมด้วย ผู้บริหารของโบอิงในปัจจุบันจำต้องนำความเชื่อถือและความมั่นใจถึงมาตรฐานอันเป็นเลิศที่บริษัทก่อร่างมาในอดีตเป็นหลักในการพลิกฟื้น เหตุร้ายระทึกมากมายที่ผ่านมาต้องเป็นบทเรียนสำหรับผู้นำในบริษัท ขณะที่ต้องสืบเสาะหาสาเหตุที่แท้จริงด้วยความโปร่งใสยังต้องส่งเสริมการรับผิดรับชอบไปพร้อมกันด้วย ชื่อเสียงของโบอิงจะฟื้นกลับมาได้นั้นต้องให้มาตรฐานความปลอดภัยเป็นตัวผลักดัน หาใช่การแสวงหากำไรสูงสุดไม่
สุดท้ายแล้วโบอิงจะสามารถพลิกฟื้นกอบกู้ชื่อเสียงและเรียกความเชื่อมั่นจากผู้โดยสารได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามดูกันต่อไป.-818(814/812).-สำนักข่าวไทย