TNA News-Now-Next: “โบอิง” ไม่แผ่ว เป็นข่าวไม่หยุด

ชิคาโก 21 มี.ค.- โบอิง ชื่อนี้ครองน่านฟ้ามายาวนานกว่า 100 ปี ในฐานะผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลก แต่ในช่วงหลายปีมานี้ ชื่อเสียงได้กลายเป็นชื่อเสีย เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน สั่นคลอนความน่าเชื่อถือที่บริษัทสั่งสมมา โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัว ๆ ในเดือนนี้


จุดเริ่มต้นของการถูกจับตา
โบอิงเริ่มตกเป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่งในทางลบเมื่อเครื่องบินโบอิง 737 MAX 2 ลําเกิดอุบัติเหตุตกในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยในเดือนตุลาคม 2561 สายการบินไลอ้อนแอร์เที่ยวบินที่ JT 610 เกิดอุบัติเหตุตกที่อินโดนีเซียทำให้มีผู้เสียชีวิต 189 คน จากนั้นในเวลาห่างกันเพียง 5 เดือน ในเดือนมีนาคม 2562 สายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ ET302 เกิดอุบัติเหตุตกที่เอธิโอเปียหลังจากขึ้นบินเพียง 6 นาทีทำให้มีผู้เสียชีวิต 157 คน

จากการสอบสวนพบว่าปัญหาของอุบัติเหตุทั้ง 2 ครั้งมาจากการออกแบบเครื่องบินและระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ MCAS ที่ทำให้เครื่องบินตกในลักษณะเป็นแนวดิ่ง สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐสรุปผลการสอบสวนในปี 2563 ว่า บริษัทโบอิงไม่ให้ความสำคัญต่อความกังวลของพนักงาน และบกพร่องในการรายงานข้อเท็จจริงที่โปร่งใสต่อสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐหรือเอฟเอเอ (FAA)


เปิดศักราช 2567 ด้วยแผงปิดประตูหลุด
ข่าวอุบัติเหตุของเครื่องบินโบอิงซาไปได้ไม่นาน แล้วก็กลับมาเป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกครั้งตั้งแต่เปิดศักราชปี 2567 ในวันที่ 6 มกราคม เมื่อแผงปิดประตูเครื่องบินโบอิง 737 MAX 9 ของสายการบินอะแลสกาแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 1282 บินออกจากรัฐออริกอนไปยังแคลิฟอร์เนียเกิดหลุดร่วงออกจากตัวเครื่องขณะบินอยู่ที่ระดับความสูง 16,000 ฟุต เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ที่ตัวเครื่อง โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร เอฟเอเอสั่งจอดเครื่องบินโบอิง 737 MAX 9 ทั้งหมด 171 ลำและตรวจสอบกระบวนการผลิตของโบอิงว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่

แผงปิดประตูหลุด

มีนาคม 2567 เดือนชงของโบอิง

9 มีนาคม คนเปิดโปงฆ่าตัวตาย
เดือนมีนาคมนี้เกิดเหตุร้ายถาโถม ราวกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดในเดือนชงของโบอิง เริ่มจากเหตุอดีตพนักงานผู้เปิดโปงโบอิงฆ่าตัวตายเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ตำรวจชาร์ลส์ตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนาแจ้งว่า นายจอห์น บาร์เน็ตต์ วัย 62 ปี อดีตผู้จัดการฝ่ายควบคุมคุณภาพของโบอิงยิงตัวตายบนรถในที่จอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองชาร์ลสตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา ไม่กี่วันหลังจากที่เขาถูกทนายความของโบอิงซักถามหลายครั้ง บาร์เน็ตต์ทำงานกับโบอิงมานานกว่า 30 ปี และเกษียณอายุในปี 2560


เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีในปี 2562 ว่า พบปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับระบบออกซิเจนของเครื่องบินโบอิง 787 ดรีมไลน์เนอร์ นอกจากนั้นยังพบว่าชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานหลายรายการถูกนำมาประกอบในไลน์การผลิตเครื่องบินเพื่อไม่ให้การส่งมอบล่าช้า เขาได้แจ้งปัญหาดังกล่าวให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ แต่บริษัทไม่ได้ดำเนินการใดๆ โบอิงปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ต่อมานายบาร์เน็ตต์ได้ยื่นฟ้องโบอิงโดยกล่าวหาว่าบริษัททำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงและสร้างความเสียหายให้กับอาชีพของเขาจากการที่เขารายงานปัญหาที่เกิดขึ้นต่อผู้บังคับบัญชา โบอิงปฏิเสธข้อกล่าวหานี้เช่นกัน

11 มีนาคม เครื่องดิ่ง-ล้อหลุด-ไถลนอกทางวิ่ง
เครื่องบินโบอิง 787 ดรีมไลน์เนอร์ ดิ่งกลางอากาศเพราะสูญเสียการควบคุมระหว่างเดินทางจากนครซิดนีย์ของออสเตรเลียไปยังเมืองโอ๊คแลนด์ของนิวซีแลนด์ ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 50 คน โบอิงชี้แจงว่า เกิดจากการที่ลูกเรือเผลอไปโดนสวิตช์ที่นั่งของกัปตันขณะทำการบินทำให้นักบินเสียการควบคุมและเครื่องดิ่งหัวลงในทันที

และในวันเดียวกัน สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ โบอิง 777-200 เดินทางออกจากสนามบินซาน ฟรานซิสโกแล้วต้องไปลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส เพราะเกิดเหตุล้อหลุดกลางอากาศขณะนำเครื่องขึ้น และเครื่องบินโบอิง 737 MAX ของสายการบินเดียวกันเกิดเหตุลื่นไถลออกนอกทางวิ่งหลังจากลงจอดที่สนามบินฮิวสตันในรัฐเท็กซัส

ล้อเครื่องบินหลุด
ไถลออกนอกรันเวย์

13 มีนาคม ล้อแบน
เครื่องบินโบอิง 777 ของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส เมื่อนักบินรายงานว่ายางล้อแบนหลังจากนำเครื่องขึ้นจากสนามบินนานาชาติ ดัลลาส ฟอร์ต เวิร์ธ อเมริกันแอร์ไลน์แจ้งว่าเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัยและผู้โดยสารไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ในวันเดียวกัน คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐหรือเอ็นทีเอสบี (NTSB) ได้ส่งจดหมายไปถึงคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ วิทยาศาสตร์และการขนส่งกล่าวหาโบอิงว่า ลบข้อมูลการซ่อมบำรุงจากเหตุแผ่นปิดประตูของสายการบินอะแลสกาแอร์ไลน์หลุดในเดือนมกราคม ข้อมูลที่หายไปทำให้พวกเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นคนซ่อมและนำแผ่นปิดประตูกลับเข้าไปใส่เครื่องบินลำจนเกิดเหตุแผ่นปิดประตูหลุดกลางอากาศ

ศุกร์ที่ 15 มีนาคม แผงนอกตัวเครื่องหลุด
เครื่องบินโบอิง 737 ซึ่งเดินทางออกจากสนามบินซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียถูกพบว่าแผงนอกตัวเครื่องหลุดหายไปหลังลงจอดที่สนามบินในเมืองเมดฟอร์ด รัฐออริกอน โดยไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ชิ้นส่วนหลุดกลางอากาศ เรื่องใหญ่ของโบอิง
เอฟเอเอแถลงเมื่อต้นเดือนมีนาคมว่า จากการตรวจสอบกระบวนการผลิตของโบอิงและสปิริต แอโรซิสเต็มส์ (Spirit Aerosystems) บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับเครื่องบินโบอิง 737 Max เป็นเวลา 6 สัปดาห์พบว่ามีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นจากการผลิตที่ไม่เป็นไปตามข้อกําหนดและมาตรฐานการผลิต นอกจากนี้ยังมีรายงานจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของโบอิงว่า เกิดช่องว่างระหว่างผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกับพนักงาน และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าพนักงานลังเลที่จะรายงานปัญหาให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพราะกลัวจะถูกบริษัทเล่นงาน

โรงงานประกอบโบอิง

ขณะเดียวกันก็มีหลักฐานออกมาเพิ่มเติมว่าปัญหาในสายงานการผลิตของโบอิงอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเครื่องบิน เอฟเอเอเตือนว่า ชุดสายไฟที่ได้รับการติดตั้งอย่างไม่ถูกต้องบนเครื่องบิน 737 Max อาจเกิดความเสียหาย ส่งผลต่อการควบคุมปีกเครื่องบินและทําให้เครื่องบินเสียการทรงตัว โบอิงรับปากว่าจะดําเนินการแก้ไขในทันที รวมทั้งจะปรับปรุงแผนปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและคุณภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับให้กับลูกค้าและผู้โดยสารของโบอิง

ปัญหาโบอิงคือปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ-โลก
นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าวิกฤตของโบอิงอาจส่งผลให้ค่าตั๋วโดยสารแพงขึ้นและทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอ่อนแอลง จากการที่โบอิงเป็น 1 ใน 2 บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินขนาดใหญ่ของโลก มีพนักงานมากกว่า 140,000 คนทั่วโลก และสร้างรายได้หลายหมื่นล้านในแต่ละไตรมาส การผลิตเครื่องบินของโบอิงจึงมีส่วนสําคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐและของโลก เพราะผู้คนจำนวนมากต่างต้องพึ่งพาโบอิงไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ธุรกิจขนส่ง หรืองานในตำแหน่งต่างๆ

ค่าโดยสารแพงขึ้น
อุบัติเหตุกลางอากาศของโบอิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์แผงประตู 737 Max ของสายการบิน อะแลสกาแอร์ไลน์ที่หลุดร่วงกลางอากาศทำให้บริษัทจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา ขณะเดียวกันการที่โบอิงชะลอการผลิตเครื่องบิน 737 Max รุ่นยอดนิยมออกไปส่งผลให้การส่งมอบล่าช้ากว่ากำหนดและทำให้สายการบินต้องจำกัดเที่ยวบิน เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ โบอิงได้จัดส่งเครื่องบินโบอิง Max จำนวน 17 ลํา ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่จัดส่งในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

นักเศรษฐศาสตร์อธิบายว่า การที่เครื่องบินผลิตได้น้อยลงหมายความว่าความต้องการใช้บริการของสายการบินจะมีมากกว่าปริมาณของเครื่องบินที่สามารถรองรับได้ และนั่นจะส่งผลต่อค่าโดยสารที่แพงขึ้น ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาพบว่าค่าโดยสารแพงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาค่าโดยสารแพงขึ้น 3.6%

โบอิงยืนยันว่า จะไม่ลดการจ้างงานแม้ว่าความต้องการเครื่องบินจะลดน้อยลง เพราะต้องการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่ค่าแรงที่สูงขึ้นจะทําให้โบอิงต้องสูญเสียเงินจำนวนมากและทําให้บริษัทต้องตกอยู่ภายใต้กับดักทางการเงินที่ลึกลงไปอีก ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการซ้ำเติมและสร้างความเสียหายให้กับราคาหุ้นของโบอิงที่ตกต่ำอยู่แล้ว

ผลลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ผลบวกต่อแอร์บัส
หลังจากโบอิงหยุดการผลิตเครื่องบิน 737 Max ในเดือนมกราคม 2563 และระงับการบินของเครื่องบิน737 Max หลังเกิดเหตุร้ายแรง 2 ครั้งในปี 2562 ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดประเมินว่าอาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของสหรัฐลดลง 0.4%

นอกจากนั้นการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ยังส่งผลกระทบรุนแรงและทำให้บริษัทต้องขาดทุนเป็นจำนวนเงินเกือบ 12,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 431,600 ล้านบาทในปี 2563

บทวิเคราะห์ของธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์กระบุว่า โบอิงเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการบูรณาการกับเครือข่ายการผลิตในประเทศ ดังนั้นการหยุดการผลิตของโบอิงอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อเศรษฐกิจในระดับมหภาค และเนื่องจากโบอิงเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดเพียงรายเดียวของสหรัฐ อุปสงค์ที่ลดลงจึงหมายถึงการส่งออกที่น้อยลงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของจีดีพี

ทั้งนี้แม้ว่าโบอิงไม่ได้ประกาศว่าจะหยุดผลิตเครื่องบินในทันทีแต่แผนการเพิ่มการผลิตเครื่องบิน โบอิง 737 Max ถูกระงับไปเนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างนำเสนอแผนงานด้านความปลอดภัยต่อเอฟเอเอ

ขณะเดียวกันปัญหาของโบอิงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้แอร์บัส บริษัทยุโรปที่เป็นคู่แข่งหลักได้รับอานิสงส์ และกำลังแซงหน้าโบอิงขึ้นเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดของโลก แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่สายการบินจะเปลี่ยนบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินให้กับตนในเวลาชั่วข้ามคืน แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าแอร์บัสมีแนวโน้มที่สดใส และหากสหรัฐนําเข้าเครื่องบินแอร์บัสเพิ่มขึ้นสําหรับสายการบินในประเทศนั่นหมายถึงจีดีพีของสหรัฐย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย

ผลกระทบต่อสายการบินทั่วโลก
ไรอันแอร์ สายการบินราคาประหยัดของไอร์แลนด์เตือนว่า ความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินลำใหม่จะทำให้ราคาค่าโดยสารสําหรับผู้โดยสารในยุโรปในฤดูร้อนนี้สูงขึ้น ขณะที่สายการบินเซาท์เวสต์ของสหรัฐมีแผนที่จะปรับลดจำนวนเที่ยวบินจากการที่โบอิงไม่สามารถส่งมอบเครื่องบินลำใหม่ได้ตามกำหนด ด้านสายการบินอื่น ๆ พยายามจัดหาเครื่องบินแอร์บัสมาทดแทน แต่การจะโอนคําสั่งซื้อจากโบอิงมายังฝั่งยุโรปไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ๆ นอกจากนั้นแอร์บัสเองก็มีปัญหากับห่วงโซ่อุปทานที่ทำให้การส่งมอบเครื่องบินต้องล่าช้าออกไปเช่นกัน

ทั้งนี้คำสั่งซื้อเครื่องบินของโบอิงและแอร์บัสมีเป็นจำนวนมาก โดยแอร์บัสมีเครื่องบินที่ต้องส่งมอบกว่า 8,000 ลําขณะที่โบอิงมีมากกว่า 6,000 ลํา อย่างไรก็ตามตลาดหวังว่าโบอิงจะกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแรงและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ผู้โดยสารอย่างเรา ๆ ควรกังวลกับปัญหาของโบอิงหรือไม่
โบอิง บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการบินและอวกาศของสหรัฐมีชื่อเสียงด้านความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศมานานหลายสิบปี โดยโบอิงและแอร์บัสต่างครองตลาดเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่มาตั้งแต่ปี 2533

แม้จะมีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายกับโบอิง แต่ก็ไม่สามารถเจาะจงลงไปได้ว่า ทั้งหมดเป็นความผิดของโบอิง เพราะเหตุการณ์ทั้ง 5 ครั้งที่เกิดขึ้นกับสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ดังต่อไปนี้ ล้วนมีปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมของบริษัทผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากการซ่อมบํารุง เศษวัสดุและชิ้นส่วนแปลกปลอม หรือความผิดพลาดของมนุษย์

เหตุการณ์ครั้งที่ 1 โบอิง 777 บินจากซานฟรานซิสโกไปยังญี่ปุ่นล้อหลุดขณะบินขึ้น เป็นปัญหาที่เกิดจากการซ่อมบํารุงไม่เกี่ยวกับโบอิง และเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยในนครลอสแอนเจลิส

เหตุการณ์ครั้งที่ 2 โบอิง 777-300 บินจากนครซิดนีย์ไปยังซานฟรานซิสโกต้องวกกลับไปลงจอดที่นครซิดนีย์หลังพบว่า น้ำมันไฮโดรลิกรั่วไหลออกจากตัวเครื่อง ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากการซ่อมบำรุง

เหตุการณ์ครั้งที่ 3 โบอิง 737-900 บินจากรัฐเท็กซัสไปยังรัฐฟลอริดาพบว่ามีชิ้นส่วนพลาสติกเข้าไปติดอยู่ในเครื่องยนต์ทําให้คอมเพรสเซอร์หยุดทํางานและเกิดไฟลุกไหม้

เหตุการณ์ครั้งที่ 4 โบอิง 737 MAX บินจากรัฐเทนเนสซีไปยังรัฐเท็กซัสพบว่าระบบฐานล้อมีปัญหาหลังจากลงจอดตามปกติ โดยนักบินสามารถประคองเครื่องไปจนสุดทางวิ่งก่อนจะไถลไปยังทางขับและตกลงไปในพงหญ้าโดยฐานล้อด้านซ้ายได้รับความเสียหาย

และเหตุการณ์ครั้งที่ 5 โบอิง 737-8 บินจากบาฮามาสไปยังรัฐนิวเจอร์ซีย์ นักบินรายงานว่า แป้นเหยียบบังคับการเลี้ยวของเครื่องบินเกิดปัญหาระหว่างลงจอด

โบอิงเปลี่ยนไป
นักวิจารณ์ระบุว่า วัฒนธรรมของโบอิงเปลี่ยนไปนับตั้งแต่แอร์บัสกลายมาเป็นคู่แข่งที่สําคัญของโบอิงในช่วงต้นปี 2543 บริษัทถูกกล่าวหาว่ามุ่งไปที่ผลกําไรมากกว่าการพัฒนาคุณภาพ

อดีตพนักงานแสดงความกังวลเรื่องตารางการผลิตที่รัดตัว กดดันพนักงานให้ต้องเร่งผลิตเครื่องบินให้ทันส่งตามกำหนดเวลา ประเด็นนี้ทําให้วิศวกรหลายคนตั้งคําถามถึงกระบวนการผลิตของโบอิง และทำให้เอฟเอเอต้องสั่งปรับโบอิงเรื่องควบคุมคุณภาพผิดพลาด หลังจากพบเครื่องมือและเศษวัสดุบนเครื่องบินที่ถูกตรวจสอบ

พนักงานหลายคนของโบอิงไปให้ปากคำต่อรัฐสภาสหรัฐในประเด็นเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพการผลิต และผลจากการตรวจสอบของรัฐสภาสหรัฐทำให้เอฟเอเอเริ่มเปิดการตรวจสอบกระบวนการผลิตของโบอิงอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
พนักงานโบอิงหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทมีอัตราการลาออกของพนักงานสูงมากในช่วงที่โควิดระบาด แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะโบอิงเท่านั้น เพราะกระบวนการผลิตและศูนย์ซ่อมบํารุงของสายการบินทั่วโลกต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ส่งผลให้วิศวกรซ่อมบํารุงรวมถึงนักบินที่มีคุณภาพขาดแคลน เหล่านี้ได้สร้างปัญหาหลายประการให้กับอุตสาหกรรมการบิน ขณะที่เวลานี้สายการบินและศูนย์ฝึกอบรมการซ่อมบํารุงทั่วโลกกําลังเร่งผลิตบุคลากรเพื่อทดแทนตำแหน่งงานที่หายไป แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเนื่องจากการจะหาวิศวกรหรือนักบินที่มีคุณภาพไม่สามารถทำได้ในเวลาชั่วข้ามคืน

TNA News-Now-Next: Final Thoughts ปัญหาของโบอิงเป็นปัญหาที่สร้างแรงกระเพื่อมไกลมาก ตั้งแต่สวัสดิภาพความปลอดภัยของผู้โดยสารอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ไปจนถึงอุตสาหกรรมการบินและเศรษฐกิจปากท้องในภาพรวมด้วย ผู้บริหารของโบอิงในปัจจุบันจำต้องนำความเชื่อถือและความมั่นใจถึงมาตรฐานอันเป็นเลิศที่บริษัทก่อร่างมาในอดีตเป็นหลักในการพลิกฟื้น เหตุร้ายระทึกมากมายที่ผ่านมาต้องเป็นบทเรียนสำหรับผู้นำในบริษัท ขณะที่ต้องสืบเสาะหาสาเหตุที่แท้จริงด้วยความโปร่งใสยังต้องส่งเสริมการรับผิดรับชอบไปพร้อมกันด้วย ชื่อเสียงของโบอิงจะฟื้นกลับมาได้นั้นต้องให้มาตรฐานความปลอดภัยเป็นตัวผลักดัน หาใช่การแสวงหากำไรสูงสุดไม่

สุดท้ายแล้วโบอิงจะสามารถพลิกฟื้นกอบกู้ชื่อเสียงและเรียกความเชื่อมั่นจากผู้โดยสารได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามดูกันต่อไป.-818(814/812).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]