TNA News-Now-Next: “โบอิง” ไม่แผ่ว เป็นข่าวไม่หยุด

ชิคาโก 21 มี.ค.- โบอิง ชื่อนี้ครองน่านฟ้ามายาวนานกว่า 100 ปี ในฐานะผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของโลก แต่ในช่วงหลายปีมานี้ ชื่อเสียงได้กลายเป็นชื่อเสีย เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน สั่นคลอนความน่าเชื่อถือที่บริษัทสั่งสมมา โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรัว ๆ ในเดือนนี้


จุดเริ่มต้นของการถูกจับตา
โบอิงเริ่มตกเป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่งในทางลบเมื่อเครื่องบินโบอิง 737 MAX 2 ลําเกิดอุบัติเหตุตกในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยในเดือนตุลาคม 2561 สายการบินไลอ้อนแอร์เที่ยวบินที่ JT 610 เกิดอุบัติเหตุตกที่อินโดนีเซียทำให้มีผู้เสียชีวิต 189 คน จากนั้นในเวลาห่างกันเพียง 5 เดือน ในเดือนมีนาคม 2562 สายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ ET302 เกิดอุบัติเหตุตกที่เอธิโอเปียหลังจากขึ้นบินเพียง 6 นาทีทำให้มีผู้เสียชีวิต 157 คน

จากการสอบสวนพบว่าปัญหาของอุบัติเหตุทั้ง 2 ครั้งมาจากการออกแบบเครื่องบินและระบบควบคุมการบินอัตโนมัติ MCAS ที่ทำให้เครื่องบินตกในลักษณะเป็นแนวดิ่ง สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐสรุปผลการสอบสวนในปี 2563 ว่า บริษัทโบอิงไม่ให้ความสำคัญต่อความกังวลของพนักงาน และบกพร่องในการรายงานข้อเท็จจริงที่โปร่งใสต่อสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐหรือเอฟเอเอ (FAA)


เปิดศักราช 2567 ด้วยแผงปิดประตูหลุด
ข่าวอุบัติเหตุของเครื่องบินโบอิงซาไปได้ไม่นาน แล้วก็กลับมาเป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกครั้งตั้งแต่เปิดศักราชปี 2567 ในวันที่ 6 มกราคม เมื่อแผงปิดประตูเครื่องบินโบอิง 737 MAX 9 ของสายการบินอะแลสกาแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 1282 บินออกจากรัฐออริกอนไปยังแคลิฟอร์เนียเกิดหลุดร่วงออกจากตัวเครื่องขณะบินอยู่ที่ระดับความสูง 16,000 ฟุต เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ที่ตัวเครื่อง โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร เอฟเอเอสั่งจอดเครื่องบินโบอิง 737 MAX 9 ทั้งหมด 171 ลำและตรวจสอบกระบวนการผลิตของโบอิงว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่

แผงปิดประตูหลุด

มีนาคม 2567 เดือนชงของโบอิง

9 มีนาคม คนเปิดโปงฆ่าตัวตาย
เดือนมีนาคมนี้เกิดเหตุร้ายถาโถม ราวกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดในเดือนชงของโบอิง เริ่มจากเหตุอดีตพนักงานผู้เปิดโปงโบอิงฆ่าตัวตายเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ตำรวจชาร์ลส์ตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนาแจ้งว่า นายจอห์น บาร์เน็ตต์ วัย 62 ปี อดีตผู้จัดการฝ่ายควบคุมคุณภาพของโบอิงยิงตัวตายบนรถในที่จอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองชาร์ลสตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา ไม่กี่วันหลังจากที่เขาถูกทนายความของโบอิงซักถามหลายครั้ง บาร์เน็ตต์ทำงานกับโบอิงมานานกว่า 30 ปี และเกษียณอายุในปี 2560


เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีในปี 2562 ว่า พบปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับระบบออกซิเจนของเครื่องบินโบอิง 787 ดรีมไลน์เนอร์ นอกจากนั้นยังพบว่าชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐานหลายรายการถูกนำมาประกอบในไลน์การผลิตเครื่องบินเพื่อไม่ให้การส่งมอบล่าช้า เขาได้แจ้งปัญหาดังกล่าวให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ แต่บริษัทไม่ได้ดำเนินการใดๆ โบอิงปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ ต่อมานายบาร์เน็ตต์ได้ยื่นฟ้องโบอิงโดยกล่าวหาว่าบริษัททำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงและสร้างความเสียหายให้กับอาชีพของเขาจากการที่เขารายงานปัญหาที่เกิดขึ้นต่อผู้บังคับบัญชา โบอิงปฏิเสธข้อกล่าวหานี้เช่นกัน

11 มีนาคม เครื่องดิ่ง-ล้อหลุด-ไถลนอกทางวิ่ง
เครื่องบินโบอิง 787 ดรีมไลน์เนอร์ ดิ่งกลางอากาศเพราะสูญเสียการควบคุมระหว่างเดินทางจากนครซิดนีย์ของออสเตรเลียไปยังเมืองโอ๊คแลนด์ของนิวซีแลนด์ ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 50 คน โบอิงชี้แจงว่า เกิดจากการที่ลูกเรือเผลอไปโดนสวิตช์ที่นั่งของกัปตันขณะทำการบินทำให้นักบินเสียการควบคุมและเครื่องดิ่งหัวลงในทันที

และในวันเดียวกัน สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ โบอิง 777-200 เดินทางออกจากสนามบินซาน ฟรานซิสโกแล้วต้องไปลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส เพราะเกิดเหตุล้อหลุดกลางอากาศขณะนำเครื่องขึ้น และเครื่องบินโบอิง 737 MAX ของสายการบินเดียวกันเกิดเหตุลื่นไถลออกนอกทางวิ่งหลังจากลงจอดที่สนามบินฮิวสตันในรัฐเท็กซัส

ล้อเครื่องบินหลุด
ไถลออกนอกรันเวย์

13 มีนาคม ล้อแบน
เครื่องบินโบอิง 777 ของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ต้องลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส เมื่อนักบินรายงานว่ายางล้อแบนหลังจากนำเครื่องขึ้นจากสนามบินนานาชาติ ดัลลาส ฟอร์ต เวิร์ธ อเมริกันแอร์ไลน์แจ้งว่าเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัยและผู้โดยสารไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ในวันเดียวกัน คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐหรือเอ็นทีเอสบี (NTSB) ได้ส่งจดหมายไปถึงคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ วิทยาศาสตร์และการขนส่งกล่าวหาโบอิงว่า ลบข้อมูลการซ่อมบำรุงจากเหตุแผ่นปิดประตูของสายการบินอะแลสกาแอร์ไลน์หลุดในเดือนมกราคม ข้อมูลที่หายไปทำให้พวกเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นคนซ่อมและนำแผ่นปิดประตูกลับเข้าไปใส่เครื่องบินลำจนเกิดเหตุแผ่นปิดประตูหลุดกลางอากาศ

ศุกร์ที่ 15 มีนาคม แผงนอกตัวเครื่องหลุด
เครื่องบินโบอิง 737 ซึ่งเดินทางออกจากสนามบินซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียถูกพบว่าแผงนอกตัวเครื่องหลุดหายไปหลังลงจอดที่สนามบินในเมืองเมดฟอร์ด รัฐออริกอน โดยไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นและไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ชิ้นส่วนหลุดกลางอากาศ เรื่องใหญ่ของโบอิง
เอฟเอเอแถลงเมื่อต้นเดือนมีนาคมว่า จากการตรวจสอบกระบวนการผลิตของโบอิงและสปิริต แอโรซิสเต็มส์ (Spirit Aerosystems) บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับเครื่องบินโบอิง 737 Max เป็นเวลา 6 สัปดาห์พบว่ามีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นจากการผลิตที่ไม่เป็นไปตามข้อกําหนดและมาตรฐานการผลิต นอกจากนี้ยังมีรายงานจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของโบอิงว่า เกิดช่องว่างระหว่างผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกับพนักงาน และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าพนักงานลังเลที่จะรายงานปัญหาให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพราะกลัวจะถูกบริษัทเล่นงาน

โรงงานประกอบโบอิง

ขณะเดียวกันก็มีหลักฐานออกมาเพิ่มเติมว่าปัญหาในสายงานการผลิตของโบอิงอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเครื่องบิน เอฟเอเอเตือนว่า ชุดสายไฟที่ได้รับการติดตั้งอย่างไม่ถูกต้องบนเครื่องบิน 737 Max อาจเกิดความเสียหาย ส่งผลต่อการควบคุมปีกเครื่องบินและทําให้เครื่องบินเสียการทรงตัว โบอิงรับปากว่าจะดําเนินการแก้ไขในทันที รวมทั้งจะปรับปรุงแผนปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและคุณภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับให้กับลูกค้าและผู้โดยสารของโบอิง

ปัญหาโบอิงคือปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ-โลก
นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าวิกฤตของโบอิงอาจส่งผลให้ค่าตั๋วโดยสารแพงขึ้นและทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอ่อนแอลง จากการที่โบอิงเป็น 1 ใน 2 บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินขนาดใหญ่ของโลก มีพนักงานมากกว่า 140,000 คนทั่วโลก และสร้างรายได้หลายหมื่นล้านในแต่ละไตรมาส การผลิตเครื่องบินของโบอิงจึงมีส่วนสําคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐและของโลก เพราะผู้คนจำนวนมากต่างต้องพึ่งพาโบอิงไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ธุรกิจขนส่ง หรืองานในตำแหน่งต่างๆ

ค่าโดยสารแพงขึ้น
อุบัติเหตุกลางอากาศของโบอิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์แผงประตู 737 Max ของสายการบิน อะแลสกาแอร์ไลน์ที่หลุดร่วงกลางอากาศทำให้บริษัทจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา ขณะเดียวกันการที่โบอิงชะลอการผลิตเครื่องบิน 737 Max รุ่นยอดนิยมออกไปส่งผลให้การส่งมอบล่าช้ากว่ากำหนดและทำให้สายการบินต้องจำกัดเที่ยวบิน เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ โบอิงได้จัดส่งเครื่องบินโบอิง Max จำนวน 17 ลํา ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่จัดส่งในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

นักเศรษฐศาสตร์อธิบายว่า การที่เครื่องบินผลิตได้น้อยลงหมายความว่าความต้องการใช้บริการของสายการบินจะมีมากกว่าปริมาณของเครื่องบินที่สามารถรองรับได้ และนั่นจะส่งผลต่อค่าโดยสารที่แพงขึ้น ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาพบว่าค่าโดยสารแพงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาค่าโดยสารแพงขึ้น 3.6%

โบอิงยืนยันว่า จะไม่ลดการจ้างงานแม้ว่าความต้องการเครื่องบินจะลดน้อยลง เพราะต้องการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่ค่าแรงที่สูงขึ้นจะทําให้โบอิงต้องสูญเสียเงินจำนวนมากและทําให้บริษัทต้องตกอยู่ภายใต้กับดักทางการเงินที่ลึกลงไปอีก ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการซ้ำเติมและสร้างความเสียหายให้กับราคาหุ้นของโบอิงที่ตกต่ำอยู่แล้ว

ผลลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ผลบวกต่อแอร์บัส
หลังจากโบอิงหยุดการผลิตเครื่องบิน 737 Max ในเดือนมกราคม 2563 และระงับการบินของเครื่องบิน737 Max หลังเกิดเหตุร้ายแรง 2 ครั้งในปี 2562 ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดประเมินว่าอาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของสหรัฐลดลง 0.4%

นอกจากนั้นการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ยังส่งผลกระทบรุนแรงและทำให้บริษัทต้องขาดทุนเป็นจำนวนเงินเกือบ 12,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 431,600 ล้านบาทในปี 2563

บทวิเคราะห์ของธนาคารกลางสหรัฐสาขานิวยอร์กระบุว่า โบอิงเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการบูรณาการกับเครือข่ายการผลิตในประเทศ ดังนั้นการหยุดการผลิตของโบอิงอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อเศรษฐกิจในระดับมหภาค และเนื่องจากโบอิงเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดเพียงรายเดียวของสหรัฐ อุปสงค์ที่ลดลงจึงหมายถึงการส่งออกที่น้อยลงซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของจีดีพี

ทั้งนี้แม้ว่าโบอิงไม่ได้ประกาศว่าจะหยุดผลิตเครื่องบินในทันทีแต่แผนการเพิ่มการผลิตเครื่องบิน โบอิง 737 Max ถูกระงับไปเนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างนำเสนอแผนงานด้านความปลอดภัยต่อเอฟเอเอ

ขณะเดียวกันปัญหาของโบอิงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้แอร์บัส บริษัทยุโรปที่เป็นคู่แข่งหลักได้รับอานิสงส์ และกำลังแซงหน้าโบอิงขึ้นเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดของโลก แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่สายการบินจะเปลี่ยนบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินให้กับตนในเวลาชั่วข้ามคืน แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าแอร์บัสมีแนวโน้มที่สดใส และหากสหรัฐนําเข้าเครื่องบินแอร์บัสเพิ่มขึ้นสําหรับสายการบินในประเทศนั่นหมายถึงจีดีพีของสหรัฐย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย

ผลกระทบต่อสายการบินทั่วโลก
ไรอันแอร์ สายการบินราคาประหยัดของไอร์แลนด์เตือนว่า ความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินลำใหม่จะทำให้ราคาค่าโดยสารสําหรับผู้โดยสารในยุโรปในฤดูร้อนนี้สูงขึ้น ขณะที่สายการบินเซาท์เวสต์ของสหรัฐมีแผนที่จะปรับลดจำนวนเที่ยวบินจากการที่โบอิงไม่สามารถส่งมอบเครื่องบินลำใหม่ได้ตามกำหนด ด้านสายการบินอื่น ๆ พยายามจัดหาเครื่องบินแอร์บัสมาทดแทน แต่การจะโอนคําสั่งซื้อจากโบอิงมายังฝั่งยุโรปไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ๆ นอกจากนั้นแอร์บัสเองก็มีปัญหากับห่วงโซ่อุปทานที่ทำให้การส่งมอบเครื่องบินต้องล่าช้าออกไปเช่นกัน

ทั้งนี้คำสั่งซื้อเครื่องบินของโบอิงและแอร์บัสมีเป็นจำนวนมาก โดยแอร์บัสมีเครื่องบินที่ต้องส่งมอบกว่า 8,000 ลําขณะที่โบอิงมีมากกว่า 6,000 ลํา อย่างไรก็ตามตลาดหวังว่าโบอิงจะกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแรงและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ผู้โดยสารอย่างเรา ๆ ควรกังวลกับปัญหาของโบอิงหรือไม่
โบอิง บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการบินและอวกาศของสหรัฐมีชื่อเสียงด้านความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศมานานหลายสิบปี โดยโบอิงและแอร์บัสต่างครองตลาดเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่มาตั้งแต่ปี 2533

แม้จะมีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายกับโบอิง แต่ก็ไม่สามารถเจาะจงลงไปได้ว่า ทั้งหมดเป็นความผิดของโบอิง เพราะเหตุการณ์ทั้ง 5 ครั้งที่เกิดขึ้นกับสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ดังต่อไปนี้ ล้วนมีปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมของบริษัทผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากการซ่อมบํารุง เศษวัสดุและชิ้นส่วนแปลกปลอม หรือความผิดพลาดของมนุษย์

เหตุการณ์ครั้งที่ 1 โบอิง 777 บินจากซานฟรานซิสโกไปยังญี่ปุ่นล้อหลุดขณะบินขึ้น เป็นปัญหาที่เกิดจากการซ่อมบํารุงไม่เกี่ยวกับโบอิง และเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยในนครลอสแอนเจลิส

เหตุการณ์ครั้งที่ 2 โบอิง 777-300 บินจากนครซิดนีย์ไปยังซานฟรานซิสโกต้องวกกลับไปลงจอดที่นครซิดนีย์หลังพบว่า น้ำมันไฮโดรลิกรั่วไหลออกจากตัวเครื่อง ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากการซ่อมบำรุง

เหตุการณ์ครั้งที่ 3 โบอิง 737-900 บินจากรัฐเท็กซัสไปยังรัฐฟลอริดาพบว่ามีชิ้นส่วนพลาสติกเข้าไปติดอยู่ในเครื่องยนต์ทําให้คอมเพรสเซอร์หยุดทํางานและเกิดไฟลุกไหม้

เหตุการณ์ครั้งที่ 4 โบอิง 737 MAX บินจากรัฐเทนเนสซีไปยังรัฐเท็กซัสพบว่าระบบฐานล้อมีปัญหาหลังจากลงจอดตามปกติ โดยนักบินสามารถประคองเครื่องไปจนสุดทางวิ่งก่อนจะไถลไปยังทางขับและตกลงไปในพงหญ้าโดยฐานล้อด้านซ้ายได้รับความเสียหาย

และเหตุการณ์ครั้งที่ 5 โบอิง 737-8 บินจากบาฮามาสไปยังรัฐนิวเจอร์ซีย์ นักบินรายงานว่า แป้นเหยียบบังคับการเลี้ยวของเครื่องบินเกิดปัญหาระหว่างลงจอด

โบอิงเปลี่ยนไป
นักวิจารณ์ระบุว่า วัฒนธรรมของโบอิงเปลี่ยนไปนับตั้งแต่แอร์บัสกลายมาเป็นคู่แข่งที่สําคัญของโบอิงในช่วงต้นปี 2543 บริษัทถูกกล่าวหาว่ามุ่งไปที่ผลกําไรมากกว่าการพัฒนาคุณภาพ

อดีตพนักงานแสดงความกังวลเรื่องตารางการผลิตที่รัดตัว กดดันพนักงานให้ต้องเร่งผลิตเครื่องบินให้ทันส่งตามกำหนดเวลา ประเด็นนี้ทําให้วิศวกรหลายคนตั้งคําถามถึงกระบวนการผลิตของโบอิง และทำให้เอฟเอเอต้องสั่งปรับโบอิงเรื่องควบคุมคุณภาพผิดพลาด หลังจากพบเครื่องมือและเศษวัสดุบนเครื่องบินที่ถูกตรวจสอบ

พนักงานหลายคนของโบอิงไปให้ปากคำต่อรัฐสภาสหรัฐในประเด็นเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพการผลิต และผลจากการตรวจสอบของรัฐสภาสหรัฐทำให้เอฟเอเอเริ่มเปิดการตรวจสอบกระบวนการผลิตของโบอิงอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
พนักงานโบอิงหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทมีอัตราการลาออกของพนักงานสูงมากในช่วงที่โควิดระบาด แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะโบอิงเท่านั้น เพราะกระบวนการผลิตและศูนย์ซ่อมบํารุงของสายการบินทั่วโลกต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ส่งผลให้วิศวกรซ่อมบํารุงรวมถึงนักบินที่มีคุณภาพขาดแคลน เหล่านี้ได้สร้างปัญหาหลายประการให้กับอุตสาหกรรมการบิน ขณะที่เวลานี้สายการบินและศูนย์ฝึกอบรมการซ่อมบํารุงทั่วโลกกําลังเร่งผลิตบุคลากรเพื่อทดแทนตำแหน่งงานที่หายไป แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาเนื่องจากการจะหาวิศวกรหรือนักบินที่มีคุณภาพไม่สามารถทำได้ในเวลาชั่วข้ามคืน

TNA News-Now-Next: Final Thoughts ปัญหาของโบอิงเป็นปัญหาที่สร้างแรงกระเพื่อมไกลมาก ตั้งแต่สวัสดิภาพความปลอดภัยของผู้โดยสารอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ไปจนถึงอุตสาหกรรมการบินและเศรษฐกิจปากท้องในภาพรวมด้วย ผู้บริหารของโบอิงในปัจจุบันจำต้องนำความเชื่อถือและความมั่นใจถึงมาตรฐานอันเป็นเลิศที่บริษัทก่อร่างมาในอดีตเป็นหลักในการพลิกฟื้น เหตุร้ายระทึกมากมายที่ผ่านมาต้องเป็นบทเรียนสำหรับผู้นำในบริษัท ขณะที่ต้องสืบเสาะหาสาเหตุที่แท้จริงด้วยความโปร่งใสยังต้องส่งเสริมการรับผิดรับชอบไปพร้อมกันด้วย ชื่อเสียงของโบอิงจะฟื้นกลับมาได้นั้นต้องให้มาตรฐานความปลอดภัยเป็นตัวผลักดัน หาใช่การแสวงหากำไรสูงสุดไม่

สุดท้ายแล้วโบอิงจะสามารถพลิกฟื้นกอบกู้ชื่อเสียงและเรียกความเชื่อมั่นจากผู้โดยสารได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามดูกันต่อไป.-818(814/812).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย