แจ้งวัฒนะ 19 เม.ย.-กลุ่มประชาสังคมฯ ติดตามความคืบหน้าคดีเหมืองทองคำ ห่วงล่าช้าประเทศเสียประโยชน์ ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษระบุ ส่งสำนวนให้อัยการ และป.ป.ช. ดำเนินการบางส่วนแล้ว
ภาคประชาชนในจังหวัดพิจิตร ในนามกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ นำโดยนางวันเพ็ญ พรมรังสรรค์ รองประธานกลุ่มฯเดินทางมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอทราบความคืบหน้าและความชัดเจนในการดำเนินคดีพิเศษเหมืองทองคำ บริษัทอัครารีซอร์ซเซส จำกัด (มหาชน) ในส่วนของคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นางวันเพ็ญ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพอใจกับการดำเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ได้สรุปสำนวนคดีเรื่องนี้ส่งไปยังอัยการ รวม 5 ข้อหา ฐานความผิดในเดือนสิงหาคม 2561 แต่ขณะนี้ยังคงเหลืออีก 8 ข้อหาสำคัญ รวมทั้งคดีสิ่งแวดล้อมเมืองทองคำ ซึ่งได้รับเป็นคดีพิเศษไว้แล้ว โดยข้อหาที่ภาคประชาชนกังวลและอยากให้มีการเร่งรัดในการดำเนินการ ได้แก่ การเป็นนอมินีต่างชาติถือครองที่ดิน ,การเลี่ยงภาษี และการฟอกเงินทำธุรกิจเมืองทองคำ ซึ่งมีหลักฐานสำคัญที่ประชาชนได้นำมาส่งมอบให้ไว้เป็นหลักฐานไปก่อนหน้านี้แล้ว และเห็นว่าเป็นคดีที่ได้ร้องเข้ามาเป็นเวลา 4 ปีแล้วจึงเดินทางมาขอทราบความคืบหน้าเป็นระยะเนื่องจากเป็นกรณีที่เป็นความเสียหายร้ายแรงต่อประชาชนจำนวนมากในบริเวณรอบเมืองแร่ทองคำ และเป็นความเสียหายของชาติด้วย
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษและรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ มารับหนังสือ และชี้แจงความคืบหน้าคดีว่า กรมฯ รับคดีเหมืองแร่ทองคำเป็นคดีพิเศษตั้งแต่ปี2559 และดำเนินการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สรุปสำนวนส่งไปยังอัยการดำเนินการเรียบร้อยแล้วและจากการสอบสวนยังพบว่าอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ได้ส่งสำนวนแยกไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจทางกฎหมายแล้วเช่นกัน
ส่วนเรื่องการประกอบโลหะการพระราชบัญญัติโรงงานและการประกอบกิจการเหมืองแร่และเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้แยกพิจารณาออกมาเป็นอีกคดีหนึ่งและขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่
ทั้งนี้ ตามระเบียบของกรมสอบสวนคดีพิเศษจะมีกรอบระยะเวลาการดำเนินการแต่ละคดีต้องให้แล้วเสร็จถายใน 1 ปีแต่หากมีข้อมูลหรือพยาน หลักฐานที่ยากและจำนวนมากก็สามารถขยายเวลาได้ตามความเหมาะสมและมีระบบการควบคุมภายในอยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย