กรุงเทพฯ 18 เม.ย.- ผบ.ตร.สั่งเยียวยานักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ หลังถูกเด็กท้ายเรือล่วงละเมิดทางเพศบนเกาะพีพี เพื่อกู้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยกลักคืนโดยเร็ว พร้อมชมเชยตำรวจชุดจับกุมที่สามารถจับผู้ต้องหาดำเนินคดีได้ในเวลารวดเร็ว
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. กล่าวถึง การติดตามจับกุมผู้ต้องหา ที่ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราแหม่มสาว ชาวอังกฤษ บนเกาะพีพี จว.เกาะบี่ ว่าเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 62 นักท่องเที่ยวสาว สัญชาติอังกฤษ อายุ 21 ปี ได้เดินทางมาท่องเที่ยวเกาะพีพี โดยลำพังและเข้าพักที่โรงแรมไฮบีซ่า โฮลเทล ตั้งอยู่ริมชายหาดโต๊ะลาดัม ต่อมา เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 62 เวลาประมาณ 21.00 น. ได้รู้จักกับ นักท่องเที่ยวชาย สัญชาติไอร์แลนด์ โดยได้ออกไปเที่ยวตามบาร์แถวชายหาดโต๊ะลาดัมและได้ร่วมกันดื่มสุรา จนกระทั่งบาร์ปิด เวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 15 เม.ย. 62 จึงได้เดินกลับที่พัก แต่มีอาการมึนเมาครองสติไม่ได้ เดินต่อไม่ไหว จึงหยุดพักที่ร้านอาหารของโรงแรม กรีนเฮ้าส์ ริมชายหาดโต๊ะลาดัม และได้หลับไปบริเวณพื้นของร้านทั้ง 2 คน
ต่อมาเวลาประมาณ 03.00 น. ผู้ต้องหา ซึ่งมีอาชีพรับจ้างเป็นเด็กท้ายเรือ มีบ้านพักอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ ได้ย่องเข้าไปใช้มีดตัดเป้ากางเกงยีนส์ขาสั้นของผู้เสียหาย จนขาดและถอดกางเกงในบิกีนี่ออก จากนั้นได้ล่วงละเมิดทางเพศผู้เสียหายและพูดจาขอมีเพศสัมพันธ์ จนผู้เสียหายรู้สึกตัวขึ้น จึงผลักตัวผู้ต้องหาออก ผู้ต้องหาจึงได้หลบหนีไป
และเวลาประมาณ 10.00 น. ของ วันที่ 15 เม.ย. 62 ผู้เสียหายได้มาแจ้งเหตุต่อพนักงานสอบสวน แต่ไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิดเพราะเมา จนจำเหตุการณ์ไม่ค่อยได้ พนักงานสอบสวนจึงได้ส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายหาร่องรอย การถูกกระทำชำเรา หรือ ล่วงละเมิดทางเพศ กับแพทย์ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน ตรวจสอบข้อมูลจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 62 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบตัวผู้ต้องหา จึงได้จับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า คดีนี้หลังจากได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด หาภาพผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุ เพื่อเป็นข้อมูล ให้ผู้เสียหายสามารถชี้ตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ประกอบกับข้อมูลพยานแวดล้อม ความเชื่อมโยงกับ ข้อมูล เบาะแส ของผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในความผิดฐาน “ข่มขืน กระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น”
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เยียวยาสภาพจิตใจผู้เสียหาย และสร้างความเข้าใจ รวมถึงการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่สถานทูต สู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมกล่าวชมเชยการทำงานของ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว และยังได้กำชับ พนักงานสอบดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน อย่างตรงไปตรงไปมา ด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว เป็นธรรม อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ เพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยว และนักลุงทุนในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย