กทม. 24 ส.ค. – ความคืบหน้ากรณีที่แก๊งยุโรปตะวันออกลักลอบใช้โปรแกรมมัลแวร์เล่นงานระบบเอทีเอ็มของธนาคารออมสินในหลายพื้นที่ เพื่อให้เงินสดไหลออกมาโดยอัตโนมัติ สร้างมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ล่าสุดตำรวจได้เบาะแสชิ้นสำคัญ รวมทั้งวิธีการใช้โปรแกรมดังกล่าวว่าเชื่อมโยงกันอย่างไร
นี่คือภาพ คนร้ายหนึ่งในขบวนการโจรกรรมเงินจากตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสินกว่า 12 ล้านบาท ที่วงจรปิดหน้าตู้ใน จ.ภูเก็ต จับภาพไว้ได้ เป็นหลักฐานสำคัญ พบเป็นชาวยุโรปตะวันออก ผิวขาว ร่วมกับพวกตระเวนลักเงินจาก 21 ตู้ ในพื้นที่ 7 จังหวัด คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช เพชรบุรี และกรุงเทพมหานคร โดยคนร้ายใช้โปรแกรมมัลแวร์ลักเงินในตู้ที่ติดตั้งในที่เปลี่ยว ก่อเหตุช่วงวันที่ 7-30 กรกฎาคม และธนาคารตรวจสอบพบเมื่อวันที่ 1-10 สิงหาคมที่ผ่านมา
ชุดสืบสวนคดีระบุว่า ขบวนการโจรกรรมมีไม่ถึง 20 คน เป็นฝีมือกลุ่มยุโรปตะวันออก เลือกเวลาก่อเหตุช่วงหลังเที่ยงคืน จะปิดบังอำพรางใบหน้า เซิร์ฟเวอร์ถูกควบคุมมาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นแก๊งที่มีความรู้ทางเทคโนโลยีสูงมาก เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในไทย เชื่อว่าน่าจะมีคนไทยเกี่ยวข้อง หลังพบมีการนำทะเบียนรถป้ายแดงมาสวมทับทะเบียนรถที่เช่ามาเพื่อใช้ก่อเหตุและยังพบคล้ายกับเหตุแฮกเงินจากตู้เอทีเอ็ม 4 ล้านบาท ที่ จ.พังงา นอกจากนี้ยังมีความเชื่อมโยงกับเหตุที่เคยเกิดขึ้นในมาเลเซียและไต้หวัน ได้เงินไป 80 ล้านบาท
พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันจากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายเดินทางออกนอกประเทศไทยไปแล้ว ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าขณะนี้คนร้ายเป็นชาวรัสเซียหรือยูเครน อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลเร่งประสานตำรวจรัสเซียให้ตรวจสอบเชิงลึกอีกด้วย
ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ พล.ต.อ.ปัญญา หัวหน้าชุดสืบสวนคดีโจรกรรมตู้เอทีเอ็มออมสิน เรียกประชุมตำรวจภูธร ภาค 7, 8 ตำรวจนครบาล ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจ ปอท.และเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน เพื่อเร่งสืบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี. – สำนักข่าวไทย