กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- ศาลแพ่ง พิพากษาให้ บริษัท พีทีทีฯ จ่ายเงินชดเชย ให้ชาวบ้าน-ผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุท่อส่งน้ำมันรั่ว ในทะเล จ.ระยอง เมื่อ ปี 2556 เหตุบกพร่องไม่ตรวจท่อส่งน้ำมันให้ดี
ศาลแพ่ง รัชดา นัดฟังคำพิพากษา คดีที่นางสรชา วิเชียรแลง กับพวกรวม 223 คนเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมีคอล จำกัด (มหาชน) และนายบวร. วงศ์สินอุดม ประธานกรรมการบริษัท พีทีทีฯ รวม 2 คนในข้อหาละเมิด พร้อมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย อาทิ ค่ารักษาพยาบาล และค่าขาดประโยชน์จากการสูญเสียรายได้
กรณี เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ท่อส่งน้ำมันดิบ ของบริษัท พีทีทีฯในทะเลอ่าวไทย จังหวัดระยอง เกิดรั่ว ขณะขนถ่ายน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมันมายังทุ่นรับน้ำมัน ทำให้น้ำมันดิบกว่า 54,000 ลิตร รั่วไหลลงทะเล สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ทะเลและชายหาดบริเวณ ชายหาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด และหาดบ้านเพ จ.ระยอง
ศาลพิเคราะห์ แล้วให้ จำเลยที่ 1และ 2 ผิดฐานละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา 420 และ 437 และพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535. มาตรา. 96 เนื่องจากไม่ดูแล บำรุงรักษาท่อส่งน้ำมัน ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ที่ต้องมีการตรวจและทดสอบท่อส่งน้ำมันทุก 6 เดือนตามมาตรฐาน ” โอซีไอเอ็มเอฟ” และร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าได้รับความเสียหายจากการที่ไม่สามารถประกอบอาชีพ ประมงชายฝั่ง บริการ และค้าขายริมหาด รวม203 คน
โดยในกลุ่มผู้ค้าขายและรับจ้างทั่วไป ได้รับค่าชดเชยคนละ 30,000 บาท ส่วนกลุ่มผู้ทำประมงและเรือท่องเที่ยวคนละ 50,000 บาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ จากที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายรายละประมาณ 300,000 บาทและให้หักค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับจากจำเลยไปบางส่วนแล้ว. รวมค่าเสียหายที่ต้องชดเชยประมาณ 5 ล้านบาท
ส่วนโจทก์ 19 คน ที่ไม่ได้นำพยานหลักฐานมานำสืบให้ชัดเจน รวมถึง โจทก์ที่ 223 ซึ่งเป็นสมาพันธ์ผู้ประกอบกิจการชายหาดเกาะเสม็ด ซึ่งเรียกค่าเสียหายและตั้งกองทุนฟื้นฟูสภาพแวดล้อมเป็นเงิน 1,000 ล้านบาทศาลให้ยก และให้จำเลยทั้ง 2 คน ร่วมกันจัดทำโครงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมรวม 4 โครงการ เช่น โครงการธนาคารปู. โครงการแปลงหอยในวงเงินรวม5.6 ล้านบาทที่ทั้งโจทก์ และจำเลยได้ข้อสรุปร่วมกันก่อนหน้า
ด้าน นางสาว กรชนก มณีรัตน์ 1 ในผุ้เสียหาย บอกว่า ไม่ค่อยพอใจ ที่ได้รับเงินชดเชยน้อยเกินไป จากที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายและขาดรายได้ 300,000 บาทแต่ได้รับเพียง 30,000 บาท หักจากที่ได้รับชดเชย จากบริษัท พีทีทีฯ เบื้องต้นไปแล้ว 15,000 บาท จึงเหลือเงินที่จะได้รับชดเชยเพิ่มอีกเพียง 15,000 บาท บวกดอกเบี้ยอีกร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลยกับความเสียหายที่ได้รับ โดยไม่คิดจะยื่นอุทธรณ์แล้ว .- สำนักข่าวไทย