กทม. 11 เม.ย. – คนไทยรอลุ้นใช้ 5G หลัง คสช. ออกมาตรา 44 ยืดเวลาจ่ายค่าคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์-คืนไลเซนส์ ทีวีดิจิทัล ด้านเอกชนสำรองค่าใช้จ่ายเพิ่มรับกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่ง ที่ 4/2562 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม โดยคำสั่งออกประมาณเที่ยงเศษ และ หลังจากนั้น นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. ก็ออกมาแถลง ทำความเข้าใจถึงแนวทางปฏิบัติ คำสั่งนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง 2 กลุ่มผู้ประกอบการ คือ กลุ่มทีวีดิจิทัล หรือ คลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผลประกอบการส่วนใหญ่ขาดทุน และเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการค่ายมือถือ ทั้ง 3 ค่ายยักษ์ ที่ประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ไปก่อนหน้านี้ ใจความหลักๆ คือ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลคืนคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ แล้วนำมาประมูลเพื่อให้เกิดการพัฒนา 5G โดยกลุ่มที่จะประมูล คลื่น 700 ก็เป็นกลุ่มโทรคมนาคมค่ายมือถือ ดังนั้น เพื่อลดภาระและจูงใจให้เกิดการประมูลคลื่น 700 จึงขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมของค่ายมือถือคลื่น 900 เพื่อจะได้มีทุนรอนมาประมูลคลื่น 700 แต่ทั้งนี้จะผ่อนผันให้เฉพาะผู้เข้าประมูลคลื่น 700 เท่านั้น
โดย กสทช. ระบุว่าการประมูลคลื่นความถี่ 700 เมกกะเฮิรตซ์ทั้ง 45 เมกกะเฮิรตซ์ที่จะนำออกประมูลได้ภายในปลายเดือนมิถุนายนนี้ และประเมินว่าจะมีผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลจะคืนใบอนุญาต 4-5 ราย
สำหรับ คำสั่ง คสช.ส่งผลให้ผู้ประอบการทีวีดิจิทัลไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่เหลืองวดที่ 5 และ 6 รวม 13,622 ล้านบาท หรือร้อยละ 30 ของมูลค่าใบอนุญาต และให้คืนใบอนุญาตได้ โดยยต้องทำหนังสือแจ้งไป กสทช.ภายใน 30 วัน และ กสทช.จะตั้งอนุกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าชดเชยที่เหมาะสม ส่งผลให้เหลือช่องทีวีน้อยลงและอุตสาหกรรมสามารถทำธุรกิจต่อไปได้
ในรายละเอียดของ คำสั่ง คสช.ในส่วนของทีวีดิจิทัล 22 ราย ยังระบุด้วยว่า ผู้รับใบอนุญาตไม่ต้องนำเงินค่าประมูล 2 งวดสุดท้าย คือ งวดที่ 5 และ 6 มาชำระให้กับ กสทช. ส่วนรายใดที่นำเงินมาชำระไปแล้ว ก็มาขอคืนได้ และรายใดที่ยังชำระงวดที่ 4 ไม่ครบตามจำนวน ก็ให้นำเงินมาชำระค่าประมูลให้ครบตามถ้วน และตามวันเวลาครบรอบการชำระค่าประมูล ซึ่งจะครบชำระในเดือน พ.ค.2562 นี้
ส่วนค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิทัล (MUX) นั้น กสทช.จะช่วยสนับสนุนออกเงินค่าใช้จ่ายให้ โดยจะนำเงินไปชำระให้ผู้ประกอบการโครงข่าย คือ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 กรมประชาสัมพันธ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) รวมเป็นเงินปีละ 1,960 ล้านบาท จนสิ้นสุดอายุใบอนุญาต
ส่วนผู้ประกอบการโทรคมนาคมนั้น เอไอเอส ดีแทค และทรู ที่ประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ไปก่อนหน้านี้ รวมเงินประมูลประมาณ 190,000 ล้านบาท จะได้รับความช่วยเหลือด้วยการขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ออกไปจาก 4 งวดเป็น 10 งวด โดยจากเดิมต้องจ่ายหมด แยกเป็น เอไอเอสปี 2562 ทรู จ่ายงวดสุดท้าย 2568 ส่วนดีแทคที่ประมูลหลังสุด งวดสุดท้ายปี 2570
ไปอีก 1 เรื่องใหญ่ และใหม่เป็นผลดีต่อผู้ใช้แรงงานภาคเอกชน ที่ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 7 จะเริ่มมีผลบังคับใช้ วันที่ 5 พ.ค.นี้ เรื่องนี้ มีการสอบถามกันในที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท ใน กลุ่ม ปตท. ว่าจะมีผลกระทบต่อการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายอย่างไร เพราะตามกฎหมายใหม่ลูกจ้างได้ผลตอบแทนดีขึ้น เช่น กรณีการเปลี่ยนแปลงตัวนายจ้างต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง-ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อธุระอันจำเป็นปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน (โดยไม่โดนหักค่าจ้าง) เพิ่มอัตราค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 20 ปีขึ้นไป ให้นายจ้างจ่าย 400 วัน จากเดิม 300 วัน และกำหนดให้วันลาคลอด ให้รวมถึงวันลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตรด้วย โดยสามารถลาเพื่อคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วัน ซึ่งรวมถึงวันลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตรและให้นับรวมวันหยุดที่มีระหว่างวันลาด้วย จากเดิมลาคลอดบุตรได้ 90 วัน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ เอกชนต้องตั้งสำรองจ่ายในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น ปตท.สผ. ตั้งสำรองจ่าย 572 ล้านบาท จีพีเอสซี 40.3 ล้านบาท ไออาร์พีซี 760 ล้านบาท จีซี 800 ล้านบาท ไทยออยล์ 300 ล้านบาท ใครตั้งสำรองจ่ายมากน้อยขึ้นกับ พนักงาน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ปตท.ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจึงไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองแรงงาน เพราะใช้ พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จึงไม่ต้องตั้งสำรองจ่ายในส่วนนี้ มากขึ้น แต่จากบริษัทลูกมีภาระสำรองจ่ายเพิ่มขึ้นก็จะทำให้กระทบมายังงบดำเนินการรวมของ ปตท. ในไตรมาส 2 นี้ ประมาณ 2,900 ล้านบาท .- สำนักข่าวไทย