คสช.ออกมาตรา 44 คืนคลื่นทีวีดิจิทัล ยืดเวลาจ่ายคลื่น 900 MHz

กทม. 11 เม.ย. – คนไทยรอลุ้นใช้ 5G หลัง คสช. ออกมาตรา 44 ยืดเวลาจ่ายค่าคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์-คืนไลเซนส์ ทีวีดิจิทัล ด้านเอกชนสำรองค่าใช้จ่ายเพิ่มรับกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่





หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่ง ที่ 4/2562 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม โดยคำสั่งออกประมาณเที่ยงเศษ และ หลังจากนั้น นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. ก็ออกมาแถลง ทำความเข้าใจถึงแนวทางปฏิบัติ คำสั่งนี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง 2 กลุ่มผู้ประกอบการ คือ กลุ่มทีวีดิจิทัล หรือ คลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผลประกอบการส่วนใหญ่ขาดทุน และเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการค่ายมือถือ ทั้ง 3 ค่ายยักษ์ ที่ประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ไปก่อนหน้านี้ ใจความหลักๆ คือ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลคืนคลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ แล้วนำมาประมูลเพื่อให้เกิดการพัฒนา 5G โดยกลุ่มที่จะประมูล คลื่น 700 ก็เป็นกลุ่มโทรคมนาคมค่ายมือถือ ดังนั้น เพื่อลดภาระและจูงใจให้เกิดการประมูลคลื่น 700 จึงขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมของค่ายมือถือคลื่น 900 เพื่อจะได้มีทุนรอนมาประมูลคลื่น 700 แต่ทั้งนี้จะผ่อนผันให้เฉพาะผู้เข้าประมูลคลื่น 700 เท่านั้น


โดย กสทช. ระบุว่าการประมูลคลื่นความถี่ 700 เมกกะเฮิรตซ์ทั้ง 45 เมกกะเฮิรตซ์ที่จะนำออกประมูลได้ภายในปลายเดือนมิถุนายนนี้ และประเมินว่าจะมีผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลจะคืนใบอนุญาต 4-5 ราย

สำหรับ คำสั่ง คสช.ส่งผลให้ผู้ประอบการทีวีดิจิทัลไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่เหลืองวดที่ 5 และ 6 รวม 13,622 ล้านบาท หรือร้อยละ 30 ของมูลค่าใบอนุญาต และให้คืนใบอนุญาตได้  โดยยต้องทำหนังสือแจ้งไป กสทช.ภายใน 30 วัน และ กสทช.จะตั้งอนุกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการจ่ายค่าชดเชยที่เหมาะสม ส่งผลให้เหลือช่องทีวีน้อยลงและอุตสาหกรรมสามารถทำธุรกิจต่อไปได้

ในรายละเอียดของ คำสั่ง คสช.ในส่วนของทีวีดิจิทัล 22 ราย ยังระบุด้วยว่า ผู้รับใบอนุญาตไม่ต้องนำเงินค่าประมูล 2 งวดสุดท้าย คือ งวดที่ 5 และ 6 มาชำระให้กับ กสทช. ส่วนรายใดที่นำเงินมาชำระไปแล้ว ก็มาขอคืนได้ และรายใดที่ยังชำระงวดที่ 4 ไม่ครบตามจำนวน ก็ให้นำเงินมาชำระค่าประมูลให้ครบตามถ้วน และตามวันเวลาครบรอบการชำระค่าประมูล ซึ่งจะครบชำระในเดือน พ.ค.2562 นี้

ส่วนค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิทัล (MUX) นั้น กสทช.จะช่วยสนับสนุนออกเงินค่าใช้จ่ายให้ โดยจะนำเงินไปชำระให้ผู้ประกอบการโครงข่าย คือ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 กรมประชาสัมพันธ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) รวมเป็นเงินปีละ 1,960 ล้านบาท จนสิ้นสุดอายุใบอนุญาต

ส่วนผู้ประกอบการโทรคมนาคมนั้น เอไอเอส ดีแทค และทรู ที่ประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ไปก่อนหน้านี้ รวมเงินประมูลประมาณ 190,000 ล้านบาท จะได้รับความช่วยเหลือด้วยการขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ออกไปจาก 4 งวดเป็น 10 งวด โดยจากเดิมต้องจ่ายหมด แยกเป็น เอไอเอสปี 2562 ทรู จ่ายงวดสุดท้าย 2568 ส่วนดีแทคที่ประมูลหลังสุด งวดสุดท้ายปี 2570

ไปอีก 1 เรื่องใหญ่ และใหม่เป็นผลดีต่อผู้ใช้แรงงานภาคเอกชน ที่ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 7 จะเริ่มมีผลบังคับใช้ วันที่ 5 พ.ค.นี้ เรื่องนี้ มีการสอบถามกันในที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท ใน กลุ่ม ปตท. ว่าจะมีผลกระทบต่อการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายอย่างไร เพราะตามกฎหมายใหม่ลูกจ้างได้ผลตอบแทนดีขึ้น เช่น กรณีการเปลี่ยนแปลงตัวนายจ้างต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง-ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อธุระอันจำเป็นปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน (โดยไม่โดนหักค่าจ้าง) เพิ่มอัตราค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 20 ปีขึ้นไป ให้นายจ้างจ่าย 400 วัน จากเดิม 300 วัน และกำหนดให้วันลาคลอด ให้รวมถึงวันลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตรด้วย โดยสามารถลาเพื่อคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วัน ซึ่งรวมถึงวันลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตรและให้นับรวมวันหยุดที่มีระหว่างวันลาด้วย จากเดิมลาคลอดบุตรได้ 90 วัน ซึ่งประเด็นเหล่านี้ เอกชนต้องตั้งสำรองจ่ายในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น ปตท.สผ. ตั้งสำรองจ่าย 572 ล้านบาท จีพีเอสซี 40.3 ล้านบาท ไออาร์พีซี 760 ล้านบาท จีซี 800 ล้านบาท ไทยออยล์ 300 ล้านบาท ใครตั้งสำรองจ่ายมากน้อยขึ้นกับ พนักงาน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ปตท.ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจึงไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองแรงงาน เพราะใช้ พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จึงไม่ต้องตั้งสำรองจ่ายในส่วนนี้ มากขึ้น แต่จากบริษัทลูกมีภาระสำรองจ่ายเพิ่มขึ้นก็จะทำให้กระทบมายังงบดำเนินการรวมของ ปตท. ในไตรมาส 2 นี้ ประมาณ 2,900 ล้านบาท .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย