กรุงเทพฯ 2 เม.ย.-
ญี่ปุ่นและจีนร่วมมือกันลงทุนประเทศที่ 3 โดยเลือกพื้นที่อีอีซีของไทยนำร่องความร่วมมือ
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) หรืออีอีซี
องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร กรุงเทพฯ
และคณะกรรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีน(CCPIT) จัดงานสัมมนา Japan
– China Workshop on Business Cooperation in Thailand เพื่อให้ข้อมูลและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจร่วมกันในการเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซีของไทย
ซึ่งถือเป็นพื้นที่ตัวอย่างของความร่วมมือการลงทุนของภาคเอกชนจีนและญี่ปุ่นในการลงทุนในประเทศที่
3 โดยมีนักธุรกิจของทั้ง 3 ประเทศเข้าร่วมงานเกือบ 300 คน
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.)
หรือเลขาธิการอีอีซี กล่าวว่า สำนักงานอีอีซี
ให้ความสำคัญกับความร่วมมือญี่ปุ่นและจีนที่จะมาลงทุนในพื้นที่ อีอีซี โดยจะตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลเป็นการเฉพาะเพื่อสานต่อดูแลการเข้ามาลงทุนที่เป็นความร่วมมือญี่ปุ่นและจีนอย่างต่อเนื่อง
เพราะในภาพรวมแล้วโครงการลงทุนหลักของอีอีซี ที่มีมูลค่ารวม 650,000 ล้านบาท
ทุกโครงการมีนักลงทุนของทั้งสองประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องในรูปแบบต่าง ๆ อยู่แล้ว
รวมถึงการเข้ามาให้บริการทางการเงินของสถาบันการเงินจากทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้อีอีซี ยืนยันเป้าหมายที่จะให้ทุกโครงการลงทุนหลักอีอีซี เช่น
โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 จะต้องได้เอกชนผู้ชนะการประมูลอย่างน้อยภายในเดือนเมษายนนี้ซึ่งผู้เข้ามาร่วมประมูลโครงการ
ประกอบด้วยเอกชนจากจีน ญี่ปุ่นที่ร่วมมือกับภาคเอกชนไทยด้วย สำหรับระยะต่อไปจะเป็นการร่วมมือกันลงทุนในกิจกรรมอุตสาหกรรม
กิจกรรมพัฒนาเมือง
ขณะที่รัฐบาลไทยจะคอยให้การสนับสนุนผ่านการทำงานของสำนักงานอีอีซี ส่วนการเข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซีของนักลงทุนจีน
เชื่อว่า ครึ่งปีหลังปีนี้ไปแล้ว นักลงทุนจากจีนจะเข้ามาลงทุนมากขึ้น
นายคณิศ ยืนยันด้วยว่า
แม้การเมืองไทยที่มีการเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ แต่จากการที่อีอีซี
มีกฎหมายกำกับดูแลเป็นการเฉพาะ และมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการอีอีซีโดยตำแหน่ง
และโครงการเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในระยะข้างหน้า จึงมั่นใจว่า
โครงการอีอีซีจะต่อเนื่องไปไม่สะดุด.-สำนักข่าวไทย