พท.เปิดสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

พรรคเพื่อไทย 1 เม.ย.-พรรคเพื่อไทยเปิดสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยึดตามมาตรา 128 ว่าด้วยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 


พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยฝ่ายกฎหมายของพรรค อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายโภคิน พลกุล นายชัยเกษม นิติสิริ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา และนายนพดล ปัทมะ ร่วมกันออกแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยผลคะแนนของหน่วยเลือกตั้ง ชี้แจงจำนวนบัตรที่เพิ่ม และเปิดเผยวิธีการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อที่ถูกต้อง

นายนพดล อ่านแถลงการณ์ว่า การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ประชาชนยังมีข้อสงสัยและตั้งคำถามจำนวนมากเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง การนับคะแนน การเปิดเผยผลคะแนนที่ล่าช้า และมีตัวเลขที่มีข้อสงสัย รวมทั้งข่าวเกี่ยวกับการคำนวณคะแนนบัญชีรายชื่อที่อาจไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้อง 1.ให้ กกต.เปิดเผยผลการนับคะแนนรายหน่วยเลือกตั้งทันที เนื่องจากประชาชนมีสิทธิที่จะตรวจสอบความถูกต้องของจำนวนผู้มาใช้สิทธิ จำนวนบัตรดีและบัตรเสีย รวมทั้งคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเลขที่ กกต.แถลงนั้นถูกต้องหรือไม่


นายนพดล กล่าวว่า 2.ต้องชี้แจงว่าบัตรเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นมาถึงกว่า 4 ล้านใบ มาจากส่วนใดบ้าง และ 3.กระแสข่าวว่าอาจมีการคำนวณคะแนนและจัดสรรที่นั่ง ส.ส. ตามระบบบัญชีรายชื่อให้แก่พรรคขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลถึงการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล จึงอยากให้ กกต.ชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ว่าเป็นไปตามข่าวหรือไม่ พรรคมีความเห็นว่าการคำนวณที่นั่ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ให้แต่ละพรรคการเมืองนั้น ต้องมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนแน่นอน มิอาจกระทำได้ตามอำเภอใจ โดยต้องกระทำตามบทบัญญัติมาตรา 91 แห่งรัฐธรรมนูญและมาตรา 128 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

ด้านนายโภคิน กล่าวว่า วิธีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อตามที่ระบุไว้ในมาตรา 128 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.โดยต้องคำนวณหาจำนวนคะแนน ต่อ 1 ส.ส.ที่พึงจะมีก่อน โดยนำคะแนนดิบของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 35,532,647 มาหารด้วย 500 คือ จำนวน ส.ส.ในสภาจะได้ เท่ากับ 71,065.3 คือตัวเลขพี่จะได้ ส.ส.พึงมีในสภา จากนั้นนำคะแนนดิบของแต่ละพรรคมาหาด้วย 71,065 ก็จะเป็นตัวเลข ส.ส.ที่พึ่งมีของแต่ละพรรค แล้วนำมาลบออกด้วยจำนวน ส.ส.เขตที่แต่ละพรรคได้ ก็จะได้ผลลัพธ์ของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่เมื่อรวม ส.ส.บัญชีรายชื่อทุกพรรคจะได้ 152 คน ทำให้เกินจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่กำหนดไว้ 150 คน ซึ่งตามมาตรา 128 (7) ระบุว่า ถ้าจัดสรรตามจำนวนเต็มแบบนี้แล้วเกิน 150 คน ให้คำนวณใหม่โดยให้นำจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคควรจะมี คูณด้วย 150 แล้วหารด้วย 152 คือ จำนวนที่เกินมาเพื่อปรับสัดส่วนใหม่ก็จะได้ผลลัพธ์ 

นายโภคิน กล่าวว่า ดังนั้นพรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรรที่นั่ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมนั้น จะต้องเป็นพรรคการเมืองที่มี ส.ส.พึงมีอย่างน้อย 1 คนขึ้นไปเท่านั้น ส่วนพรรคการเมืองอื่น ๆ ที่ได้คะแนนดิบต่ำกว่า 70,000 คะแนน ไม่ควรได้จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งหากคำนวณตามสูตรนี้ จะทำให้มีทั้งหมด 16 พรรคการเมืองที่มีจำนวน ส.ส. และเมื่อเทียบบัญญัติไตรยางค์แล้ว จะทำให้พรรคอนาคตใหม่กับพรรคชาติไทยพัฒนา มีจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลดลงพรรคละ 1 คน โดยทั้ง 16 พรรคการเมืองจะได้จำนวน ส.ส.ดังนี้ พรรคเพื่อไทยมีจำนวน 137 คนจากจำนวน ส.ส.เขตทั้งหมด / พลังประชารัฐมีจำนวน ส.ส.เขต 97 คนมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 21 คน รวม 118 คน/พรรคอนาคตใหม่มีจำนวน ส.ส.เขต 30 คน มีจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 57 คนรวม 87 คน/พรรคประชาธิปัตย์มีจำนวนส.ส.เขต 33 คนมีจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ 22 คนรวม 55 คน / พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.เขต 39 คน มีส.ส.บัญชีรายชื่อ 13 คน รวม 52 คน /พรรคเสรีรวมไทยไม่มีจำนวน ส.ส.เขตแต่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 11 คน รวม 11 คน/พรรคชาติไทยพัฒนามี ส.ส.เขต 6 คน มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4 คนรวม 10 คน/พรรคเศรษฐกิจใหม่ไม่มี ส.ส.แบบแบ่งเขต แต่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 6 คนรวม 6 คน/พรรคประชาชาติ มีส.ส.แบบแบ่งเขต 6 คน ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวม 6 คน/พรรคเพื่อชาติไม่มีส.ส.เขต  แต่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5  คน รวมทั้งสิ้น 5 คน  /พรรครวมพลังประชาชาติไทยมี ส.ส. เขต 1 คน มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4 คนรวม 5 คน /พรรคชาติพัฒนามี ส.ส.เขต 1 คนและมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2 คน รวม 3 คน/พรรคพลังท้องถิ่นไทย ไม่มี ส.ส.เขต แต่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2 คน รวม 2 คน /พรรครักพื้นป่าประเทศไทยไม่มี ส.ส.เขต แต่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน /พรรคพลังปวงชนไทย ไม่มี ส.ส.เขตแต่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน และพรรคพลังชาติไทยไม่มี ส.ส.เขตแต่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คนทำให้มีจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขต 350 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน รวมทั้งสิ้น 500 คน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” คดี “แบงค์ เลสเตอร์”

ผบช.ภ.2 เผยคดี “แบงค์ เลสเตอร์” แจ้งข้อหา “เอ็ม” กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มอบตัวรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คุมฝากขังค้านประกันตัว

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น

วันแรก ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน

สถิติวันแรก 10 วันอันตราย ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน​ “เพิ่มพูน” เน้นทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เข้มเรื่องกฎหมาย