พรรคอนาคตใหม่ 1 เม.ย.-เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ชี้การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กกต.ควรยึดมาตรา 128 กฎหมายลูก ส.ส. ระบุ ไม่ใช่การชิงความได้เปรียบจำนวนที่นั่ง ยันพรรคอนาคตใหม่ได้ 87 ที่นั่ง
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวถึงวิธีการคำนวณ ส.ส.ตามมาตรา 128 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา สังคมสับสนว่าจะคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อกันอย่างไร เพราะได้รับคะแนนดิบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า นี่ไม่ใช่เรื่องถกเถียงกัน มีวิธีการเดียวเท่านั้น ซึ่งเมื่อคำนวณแล้ว พรรคอนาคตใหม่จะมี ส.ส.ทั้งหมด 87 ที่นั่ง โดยคำนวณตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 (1) คำนวณ ส.ส.พึงมี คือ นำคะแนนดิบรวมทั้งประเทศ จำนวน 35,532,647 คะแนน หาร 500 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด เท่ากับ 71,065.2940 เสียง ถึงจะได้ ส.ส. 1 คน จากนั้นนำคะแนนนี้ มาคำนวนตามมาตรา 128 (2) พรรคอนาคใหม่ที่ได้คะแนนดิบ 6,265,950 คะแนน หาร 71,065 เท่ากับจำนวน ส.ส.พึงมีของพรรคอนาคตใหม่ คือ 88.170 ส.ส. เมื่อนำมาลบกับจำนวน ส.ส.เขตของพรรคอนาคตใหม่คือ 30 เขต จะเท่ากับว่าพรรคอนาคตใหม่มี 58 ที่นั่งสำหรับส.ส.บัญชีรายชื่อ
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า เรื่องเหมือนเข้าใจง่าย แต่ความซับซ้อนอยู่ที่ มาตรา 128 (5) ระบุว่าหากมีพรรคการเมืองใดที่ชนะ ส.ส.แบบแบ่งเขตที่มากกว่าจำนวน ส.ส.พึงมี พรรคนั้นจะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งคือพรรคเพื่อไทย ที่มีจำนวน ส.ส.พึงมีจำนวน 111 คน แต่ชนะ ส.ส.เขตไปแล้ว 137 เขต จากนั้นจึงต้องมามาดูมาตรา 128 (7) กำหนดว่า หากพรรคการเมืองทุกพรรคได้รับ ส.ส.บัญชีรายชื่อทุกพรรคเกิน 150 คน ให้คำนวณปรับบัญชีรายชื่อใหม่ ตามสัดส่วนที่ทุกพรรคพึงจะได้รับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเมื่อรวมแล้วไม่เกิน 150 คน โดยนำจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค คูณ 150 และหารด้วยผลบวกของ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่เกินมา แล้วให้นำมาตรา 128 (4) มาช่วยคำนวณด้วยโดยอนุโลม ซึ่งมาตรา 128 (4) ระบุว่า ให้จัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ครบ 150 คน โดยให้จัดสรรตามมาตรา 128 (3) เป็นจำนวนเต็มก่อน หากยังมี ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ถึง 150 คน
“ดังนั้นพรรคการเมืองไหนมีจำนวน ส.ส.พึงมี ไม่ถึง 1 ให้ตัดทิ้ง ซึ่งพรรคสุดท้ายที่ได้เกิน 1 คือ พรรคพลังชาติไทย ที่คิดแล้วได้ ส.ส.พึงมี 1.0395 ดังนั้นพรรคลำดับที่ 17 เป็นต้นไป ให้ตัดออกจากการคิดทันที ตามบทบัญญัติพรรคอนาคตใหม่จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 58.17 แต่เทียบสัดส่วนแล้วจะลด ส.ส.บัญชีรายชื่อเหลือ 57.23 คน พรรคที่ได้ลูกหลงอีกพรรค คือ พรรคเสรีรวมไทย ที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อลดลง 1 เมื่อคิดเป็นจำนวนเต็ม พรรคอนาคตใหม่จะเหลือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 57 ที่นั่ง” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า แม้จะซับซ้อน แต่อยากชี้ชวนให้ดูที่มาตรา 128 (7) กับ (4) โดยต้องจับให้มั่น เพราะ (4) กำหนดให้ตัดพรรคที่ไม่ได้ถึง 1 ออกไปให้หมด จึงไปจบที่พรรคพลังชาติไทย แล้วจึงนำมาคิดตาม (7) ส.ส.อนาคตใหม่จึงลดทอนตามลำดับลงไป นี่คือการคำนวณตามกฎหมาย
“ต่อให้ไม่คิดแบบนี้ ลองคิดเอาแค่ความยุติธรรมจากตัวเลข ส.ส. 1 คน คือ 71,065 คะแนน อย่างพรรคอนาคตใหม่ จ.แพร่ เขต 1 ได้ 7 หมื่นกว่าคะแนน คนชนะ ส.ส.เขต จะชนะ ต้องมี 3-4 หมื่นกว่าคะแนน หากนำพรรคเล็กที่ได้คะแนนทั้งประเทศ 3-4 หมื่นคะแนน มาคิด ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะมีพรรคเล็กเต็มไปหมดที่ได้ ส.ส. โดยมีคะแนนเพียง 3 หมื่นกว่า นี่คือเรื่องง่ายที่สุด หรืออาจมองว่าจำนวน ส.ส.พรรคที่พึงมีต่อ 1 คน ต้องได้ 7 หมื่นกว่าคะแนน แต่พรรคเล็กที่ได้คะแนนรวมทั้งประเทศได้เพียง 3 หมื่นคะแนน กลับได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ซึ่งห่างกันมากถึง 4 หมื่นคะแนน การคิดคะแนนแบบแบ่ง ส.ส.ให้พรรคเล็กอย่างละ 1 คนนั้นไม่เป็นธรรมอย่างมาก ทั้งหมดที่กล่าวไปคือการคำนวณตามที่มาตรา 128 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ส.ส.กำหนด ขอย้ำว่า ไม่มีการคำนวนแบบอื่น นี่ไม่ใช่ความเห็น แต่เป็นคณิตศาสตร์ ซึ่งมีสูตรเดียวเท่านั้นตามมาตรา 128 ยืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่จะได้ ส.ส. 87 ที่นั่ง แบ่งเป็นแบบแบ่งเขต 30 ที่นั่ง และแบบบัญชีรายชื่อ 57 ที่นั่ง” นายปิยบุตร กล่าว
ส่วนสูตรคำนวณ ส.ส.จะมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล จนทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า เมื่อคำนวณตามมาตรา 128 กำหนด ส่งผลให้พรรคการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจที่นั่งหาย สังคมก็ยิ่งคลางแคลงใจ เดิมมีตัวเลขรวมกันที่ 255 ที่นั่ง เมื่อไปคิดแบบให้พรรคเล็กมาก ตัวเลขนี้ก็จะหายไป ย้ำว่าต้องยึดมาตรา 128 ทั้งนี้เข้าใจว่า กกต.ยังไม่ได้คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะยังมีเรื่องร้องเรียนอยู่ ซึ่งอาจมีการแจกใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง จึงคาดว่า กกต.จะคิดคำนวณได้หลังวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ต้องประกาศผลการเลือกตั้งเป็นต้นไป.-สำนักข่าวไทย