กรุงเทพฯ29มี.ค.-ศิลปินแห่งชาติ ฝากรัฐบาลชุดใหม่ ผลักดันงานศิลปะ มองงานด้านศิลปวัฒนธรรมเป็นเสาหลักในการพัฒนาของประเทศ เปิดพื้นที่ให้ศิลปินแสดงผลงาน และจัดระบบการศึกษาให้มีเนื้อหาของศิลปะมากขึ้น ศิลปะสามารถสร้างมูลค่าให้กับประเทศในอนาคตมหาศาล
นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี2554 ฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ถึงการพัฒนาวงการศิลปะของประเทศ ในงานเปิดบ้านพิพิธภัณฑ์เสริมคุณ คุณาวงศ์ และเสวนาพิเศษ หัวข้อพิพิธภัณฑ์เอกชน อนาคต และทางแยก ว่า อยากเสนอรัฐบาลใหม่ถ้าอยากให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ไปจัดการด้านการศึกษา คนไม่รู้จักใช้สมอง อย่าให้เกิดการลอก รสนิยมในชาติไม่เป็นสากล ควรปรับพื้นฐานรสนิยมคนในชาติเพื่อให้เท่าเทียมกับนานาชาติ เพื่อการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆในทุกศาสตร์ ทุกคนจะได้นำเองสิ่งที่เรียกว่าสุนทรียภาพหรือความงามไปรับใช้ต่อความคิดสร้างสรรค์ในการรับใช้ชาติบ้านเมืองไม่ว่าศาสตร์ด้านใดก็ตาม ไม่ว่าจะเรียนอะไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ต้องเรียนคือศิลปะ ศิลปะเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยปรับพื้นฐานให้คนในชาติให้ก้าวหน้าให้ทัดเทียมอารยประเทศและจะสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่ไม่ใช่การลอกต่างประเทศเพียงอย่างเดียว บ้านเมืองจะยิ่งใหญ่ได้คือ จัดการศึกษาให้มีศิลปะเกิดขึ้นและชัดเจนมากขึ้น
ด้านนายสุรพล วิรุฬห์รักษ์ ราชบัณฑิต กล่าวว่าอย่ามองศิลปะเป็นแค่เครื่องประดับ ต้องมองศิลปะเป็นเสาหลักหนึ่งที่ค้ำเศรษฐกิของประเทศเอาไว้ ศิลปะใช้ต้นทุนถูกมากใช้ภูมิปัญญาที่เกิดขึ้น เป็นการลุงทุนที่มูลค่าเพิ่มสูงกว่าดอกเบี้ยทั้งหลายในโลกนี้ คนในชาติจะฟังกัน คุยกัน มีความสามัคคีธรรมเกิดขึ้น ล้วนมีพื้นฐานจากศิลปะเพราะศิลปะวางอยู่บนรากฐานของธรรมะหากวางตำแหน่งของศิลปวัฒนธรรมให้ถูกที่ก็จะใช้ประโยชน์จากตรงนี้เพื่อพัฒนาประเทศให้ยั่งยืนได้ ศิลปินมีพลังในการสร้างสรรค์งานอยู่แล้ว ต้องเปิดโอกาสเปิดพื้นที่แสดงงานศิลปะ หรือเปิดเทศกาลศิลปะมากขึ้น เช่น งานไทยแลนด์เบียนนาเล่ที่เคยเกิดขึ้น ที่ จ.กระบี่ ถือว่ามาถูกทาง ต้องสร้างคนที่เข้มแข็งและจะข้ามมาสู่อุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง พร้อมเสนอให้มีการตั้งหน่วยงานที่ดูแลเรื่องกองทุนวัฒนธรรม โดยตรงเหมือนสหรัฐอเมริกา แยกออกมาจากกระทรวง เพื่อความเป็นเอกภาพแลการบริหารจัดการที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีการจัดทำแผนตรงนี้ ในภาพใหญ่ของประเทศ และทิศทางยังไม่ชัดเจน
ขณะที่นายปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ปี2554 กล่าวว่า การศึกษาทั้งมนุษยศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมสร้างปัญญาภิวัฒน์และความคิดสร้างสรรค์ สำคัญกว่าการศึกษาด้านอื่นใด เพราะการศึกษาจะสร้างคน และคนจะสร้างชาติ งานช่าง งานศิลปวัฒนธรรม เป็นอัตลักษณ์ของคนในสยาม หากเปรียบงานศิลวัฒนธรรมเป็นต้นไม้ เราต้องพัฒนาต้นไม้ด้วยการนำเอาวิชาความรู้เป็นศาสตร์ที่เป็นสากลให้งอกงาม มิใช่นำต้นไม้ต่างประเทศมาปลูกในแผ่นดินไทย เมื่อต้นไม้ต้นนี้มีรากแก้วเป็นของตัวเอง ต้องมีการต่อยอดให้เกิดเป็นนวัตกรรมให้เกิดปัญญาภิวัฒน์ อัตลักษณ์เกิดเป็นทรัพย์สินทางองค์ความรู้เกิดเป็นมูลค่าเพิ่ม ดังนั้นสิ่งที่มีในประเทศไทย สิ่งที่บรรพบุรุษสร้างไว้ ล้วนเป็นงานด้านศิลปะวัฒนธรรม ที่ควรนำมาศึกษาเพื่อพัฒนาต่อยอด อยากฝากให้รัฐบาลใหม่ ให้ช่วยสนับสนุนและผลักดันงานด้านมนุษศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม เพราะถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของมนุษย์ที่จะพัฒนาไปสู่การทำอาชีพต่างๆในอนาคต .-สำนักข่าวไทย