กรุงเทพฯ 27 มี.ค.- นครบาลจับมือภาคเอกชน เปิดตัวโครงการ”รณรงค์แก้ปัญหารถติด ด้วยเทคโนโลยี” M-Help Me” หวังช่วยเหลือและลดปัญหาจราจรติดขัด
กองบัญชาการตำรวจนครบาล จัดงานแถลงข่าว ประสานความร่วมมือระหว่าง สมาคมการค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน และภาคประชาชน ลงพื้นที่ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการจราจรพื้นที่กรุงเทพมหานคร เริ่มที่ สน.ห้วยขวาง โดย Application “M-Help Me” Save Your Life เทคโนโลยีที่จะช่วยป้องกัน ช่วยเหลือ และแจ้งข้อมูลข่าวสาร ผ่านทางสมาร์ทโฟน ซึ่งทางสมาคมฯ ได้คิดค้นและพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นสาธารณประโยชน์ของสังคมต่อไป
นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการ”คืนคุณแผ่นดิน”/ผู้คิดค้นและเจ้าของลิขสิทธิ์ Application “M-Help Me” กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาการจราจรรถติดในกรุงเทพฯอย่างมีประสิทธิภาพ ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน ภาคประชาชนมีส่วนร่วม ตื่นตัว รับรู้ และการเป็นจิตอาสา โดยโหลด Application “M-Help Me”” ป้องกัน ช่วยเหลือ แจ้งข่าวสาร เพราะสาเหตุปัญหาจราจรที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ส่วนหนึ่งเกิดจากการทำผิดกฎหมาย เช่น ช่องจราจรมี 4 เลนส์ จอดเลนส์ที่ 1 จอดเลนส์ที่ 2 จอดในเลนส์ห้ามจอด 4 เลนส์หรือเพียงแค่เลนส์เดียวที่รถวิ่งได้ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถติด แต่ประชาชนสามารถแจ้งเหตุที่พบเห็นได้ผ่านทาง Application “M-Help Me”
ประธานโครงการ”คืนคุณแผ่นดิน”/ผู้คิดค้นและเจ้าของลิขสิทธิ์ Application “M-Help Me” กล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชนสามารถดูกล้องวงจรปิด CCTV ผ่าน Application “ M Help me” ที่ทางสมาคมฯ ได้ทำ MOU กับ บก.จร.กลาง ประชาชนสามารถที่จะกดดูได้ ในเส้นทางที่เราจะเดินทาง ดูได้แบบเรียลไทม์ได้ด้วยตัวเอง ว่าจะเดินทางไปที่จุดไหนและบริเวณไหนรถติดเพื่อวางแผนในการเดินทาง ส่วนกรณีถ้าพบเจออุบัติเหตุ สามารถ 1. กดถ่ายรูป /2. กดแจ้งเหตุ (ว่าเป็นเหตุอะไร อุบัติเหตุบนท้องถนน ฯลฯ) /3. กดส่ง ข้อความก็จะเด้งไปหาเจ้าหน้าที่ที่ใกล้ ในเขตพื้นที่ทันที เพื่อเดินทางเข้ามาช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมี SMS ตอบกลับมายังมือถือของคนที่แจ้งเหตุ และไม่มีการเปิดเผยข้อมูลของผู้ที่แจ้งเหตุ ตำรวจจะเป็นผู้รับรู้ข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว ที่สำคัญประชาชนสามารถให้คะแนนเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าช่วยเหลือ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่กรุงเทพฯทั้ง 88 สน.ได้ใช้ Application “ M Help me”เข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันที
นอกจากนี้ นายประสิทธิ์ เปิดเผยว่า แนวคิดของการเริ่ม Application” M-Help me” เกิดจากเรือฟีนิกซ์ล่มในประเทศไทย ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตและบาดเจ็บ รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เลยคิดที่จะหาแนวทางในการป้องกัน เตือนภัย แจ้งข่าวสารก่อนที่จะเกิดเหตุ เพื่อป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ทุกอย่างสามารถป้องกันได้ โดย Application” M Help me” เป็นการเชื่อมโยงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไว้ใน App เพียงแค่ App เดียว สะดวกกับคนใช้งาน“ Application” M-Help me” พัฒนาและสามารถใช้ได้ทั่วโลก ตอนนี้ขึ้นอันดับ 1 ในประเทศไทย Application มาแรงที่คนไทยโหลด และเป็นอันดับ 6 ของโลก เราสามารถไปทั่วโลกเพื่อช่วยเหลือคนทั้งโลกได้ “ นายประสิทธิ์ กล่าวยืนยัน
ด้านพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. กล่าวถึง วิธีการทำงาน เมื่อโหลดแอปพลิเคชั่นแล้ว ให้เลือกหัวข้อ “การจราจร” ภายในแอพพลิเคชั่นสามารถเลือกเข้าไปดูโหมดกล้องวงจรปิด CCTV บนถนนสายสำคัญต่างๆทั่วกรุงเทพฯ 128 ตัว ซึ่งเป็นกล้องจราจรแบบเดียวกันกับที่ใช้ในศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจได้ว่าจะหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในเส้นทางใด พร้อมแผนที่แสดงสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์
อีกโหมดหนึ่งที่น่าสนใจคือ โหมด”แจ้งเหตุ”ประชาชนสามารถแจ้งเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นปัญหาการจราจรได้ทันที ทั้งอุบัติเหตุ การจราจรติดขัด หรือรถจอดกีดขวางผิดกฎจราจร ในโหมดดังกล่าวสามารถถ่ายภาพนิ่ง และวีดีโอแล้วกดส่ง ระบยจะแสดงสถานที่ได้ทันที หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่อยู่ใกล้ที่สุดจะเดินทางมาแก้ไขปัญหาการจราจรในจุดดังกล่าวทันที ซึ่งจากการทดลองของทีมข่าวพบว่าระบบดังกล่าวใช้ไม่ยากและสามารถแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาจัดการได้จริง(มีภาพทดลอง)
ทั้งนี้แอพพลิเคชั่นดังกล่าวปัจจุบันมีผู้โหลดใช้งานแล้วประมาณ 2 แสนคน ซึ่งหากเทียบกับปริมาณรถยนต์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังถือว่าอยู่ในสัดส่วนที่ไม่มาก จึงอยู่ระหว่างการเร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนโหลด application ดังกล่าวมาใช้งาน ซึ่งหากมีประชาชนโหลดมากก็จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาการจราจรมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงเริ่มประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนในพื้นที่ตลาดห้วยขวางรับทราบก่อนเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีผู้อาศัยอยู่หนาแน่น อีกทั้ง application ดังกล่าวหลังจากเปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ววันนี้ถือว่าเป็นการร่วมมือกับ88 สน. ทำให้ระบบดังกล่าวใช้งานและรับแจ้งเหตุได้ร้อยเปอร์เซ็นต์.-สำนักข่าวไทย