ตั้งกรรมการสอบตร.หนองปรือและอาสาใช้ไม้ฟาดพ่อขี่รถจยย.หนีด่านพลาดถูกชายวัย2ขวบเจ็บ

กรุงเทพฯ 27 มี.ค.- ผกก.สภ.หนองปรือ สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีแม่ร้องโซเชียล ขับรถหนีด่าน ถูกอาสาตำรวจ ดักซุ่มใช้ไม้ฟาดพลาดถูกลูกชายวัย 2 ขวบบาดเจ็บสาหัส  ยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย


พ.ต.อ.กฤษณะ  พัฒนเจริญ  รอง โฆษก ตร.  เปิดเผยถึงกรณีตามที่สื่อสังคมออนไลน์ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ กรณี มีผู้ขับขับขี่รถจักรยานยนต์มากับครอบครัวแล้วเจอจุดตรวจจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่ของ  สภ.หนองปรือ จว.ชลบุรี  จากนั้นผู้ขับขี่ได้กลับรถหลบหนีเพื่อไม่ผ่านเข้ามายังบริเวณจุดตรวจจุดสกัด แล้วมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสามาทำการดักสกัด ทำให้มีเด็กที่นั่งซ้อนท้ายรถ จยย.มาด้วย ได้รับบาดเจ็บ  จนเป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล ว่า  

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.62 เวลาประมาณ 21.35 น.  เจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันปราบปราม ได้เรียกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ตำรวจอาสา เพื่อตั้งจุดตรวจจุดสกัด ในการป้องกันเหตุและอาชญากรรม บริเวณซอยเขาตาโล 9 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี   ต่อมาในระหว่างที่กำลังจะตั้งจุดตรวจจุดสกัดอยู่นั้น   ได้มี นายศิวา นิลขำ อายุ 28 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงบริเวณจุดตรวจจุดสกัด โดยมี น.ส.กัลยา ตมกลาง อายุ 25 ปี และด.ช.ศิลา นิลขำ บุตรชายวัย 2 ขวบ นั่งโดยสารมาด้วย เมื่อนายศิวาฯ เห็นจุดตรวจจุดสกัด ได้เลี้ยวรถกลับ เพื่อที่จะหลบหนี ซึ่งมี นายจักรภพ บุญรอด อายุ 23 ปี (ตร.อาสา สภ.หนองปรือ) ยืนอยู่บริเวณดังกล่าว จึงได้เรียกให้หยุด แต่นายศิวาฯ ไม่ยอมหยุดและเร่งความเร็วเพื่อหลบหนี นายจักรภพฯ จึงได้หยิบไม้ที่วางอยู่บริเวณข้างทางออกมาเพื่อกันไว้ แต่นายศิวาฯ ผู้ขับขี่ได้ก้มตัวหลบ เป็นเหตุให้ไม้ตวัดไปโดนศรีษะ ด.ช.ศิลาฯ ซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย ได้รับบาดเจ็บเป็นแผลแตกบริเวณหางคิ้วขวา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รีบพาตัวด.ช.ศิลาฯ ซึ่งได้รับบาดเจ็บ พร้อมด้วย น.ส.กัลยาฯ นำส่ง โรงพยาบาลบางละมุง เพื่อเข้ารับบการรักษาจากแพทย์


หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พา ด.ช.ศิลาฯ ไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พา น.ส.กัลยาฯ มารดา  มาพบพนักงานสอบสวนในกรณีที่บุตรชายได้รับบาดเจ็บ  โดยพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์และดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว     อีกทั้งในส่วนของนายศิวาฯผู้ขับขี่รถ จยย. นั้น  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อเพื่อให้มาพบแต่นายศิวาฯ บ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาพบแต่อย่างใด   โดยในวันนี้(27 มี.ค.62) พนักงานสอบสวนได้นัดหมายเพื่อมาทำการสอบสวนปากคำเพื่อประกอบคดีต่อไป

โดยขณะนี้ พ.ต.อ.ชิตเดชา  สองห้อง  ผกก.สภ.หนองปรือ  ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว  โดยให้คณะกรรมการดำเนินการด้วยความรวดเร็ว  และเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาตามกฎหมายต่อไป  ส่วนคดีที่เด็กชายศิวาฯ ได้รับบาดเจ็บ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน  รอผลตรวจจากแพทย์ และที่เกี่ยวข้องมาประกอบคดี โดยจะดำเนินการสืบสวนสอบด้วยความรวดเร็ว  โปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย  

 รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า  จากการตรวจสอบในเบื้องต้นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เป็นไปตามแผนการปฏิบัติและวงรอบเพื่อป้องกันเหตุและอาชญากรรมในพื้นที่  อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอาสานั้นก็ได้รับการแต่งตั้งและมีใบอนุญาตจาก สภ.หนองปรือ   แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตอบคำถามสังคมได้นั้น   สภ.หนองปรือ ก็มีการตั้งคณะกรรมสืบสวนตรวจสอบขึ้นแล้ว   หากผลการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีข้อบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่หรือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ก็จะดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว    ในส่วนของคดีที่มารดาของเด็กที่ได้รับความเสียหายนั้น  พนักงานสอบสวนเองก็จะเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานและนำผลการตรวจจากแพทย์มาประกอบคดี  สอบสวนปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง  และจะทำการสวนสอบสวนด้วยความโปร่งใส รวดเร็ว และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย   


ทั้งนี้  พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับกองบัญชาการทุกภาคส่วนมาโดยตลอด ให้กำกับ ดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาในการปฏิบัติหน้าที่ให้คำนึงถึงหลักยุทธวิธีและความปลอดภัย    ทั้งของตัวเจ้าหน้าที่เอง และประชาชนผู้ที่สัญจรผ่านมาบริเวณจุดตรวจจุดสกัด  สถานที่   ไฟส่องสว่างในเวลากลางคืน  อุปกรณ์สะท้อนแสง   พร้อมให้ผู้บังคับบัญชา คอยสอดส่อง ดูแล การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ประพฤติปฏิบัติตนเหลื่อมล้ำกับกฎหมาย  โดยหากพบว่าตำรวจ หรือผู้ช่วยเจ้าพนักงานของตำรวจ เป็นผู้กระทำความผิดเสียเองและสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน ท่าน ผบ.ตร.ยอมรับไม่ได้ ต้องเอาผิดให้ถึงที่สุดทั้งทางวินัยและทางอาญา อย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนอย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นักท่องเที่ยวแห่ชมปราสาทตาเมือนธม-ให้กำลังใจทหารต่อเนื่อง

สุรินทร์ 17 ก.ค. – กำลังใจไหลมาต่อเนื่อง สู่ทหารแนวหน้าบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ท่ามกลางการคุมเข้มตามข้อตกลงใหม่ หลังเกิดเหตุป่วนเมื่อ 2 วันก่อน กลุ่มเพื่อนดนตรีจิตอาสาจากกรุงเทพฯ นัดแต่งชุดธีมลายพราง ให้กำลังใจ พร้อมโชว์ลูกคอเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” แม้วันนี้จะยังไม่มีคณะทัวร์ใหญ่ แต่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศทยอยเดินทางเข้ามาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และให้กำลังใจทหารอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเปิด 09.00 น.ที่ผ่านมา นอกจากชมความงดงามปราสาทที่สร้างเป็นพระตำหนักของกษัตริย์ขอม อายุนับพันปีแล้ว สิ่งที่นักท่องเที่ยวสนใจคือ รอยต่อเขตแดนไทย-กัมพูชา บริเวณแนวต้นขี้เหล็ก ทางขึ้นตัวปราสาทด้านกัมพูชาที่เคยมีแนวรั้วไม้กั้น หลังเหตุปะทะปี 2554 แต่ต่อมามีการรื้อออกไปในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับกัมพูชา ซึ่งบริเวณเดียวกันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่หญิงกัมพูชาตะโกนใส่ทหารไทย ว่ารุกล้ำเขตแดน จนมีการกระทบกระทั่งกันเมื่อ 2 วันก่อน อีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพคือ หลักหมุด GPS ด้านหน้าทางขึ้นตัวปราสาทฝั่งไทย ซึ่งทหารไทยไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวกัมพูชารุกล้ำเกินหลักหมุดนี้ สำหรับแนวทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่กำชับไม่ให้ถ่ายภาพบริเวณทางเดินก่อนถึงตัวปราสาท และไม่ให้ตามเกมยั่วยุของอีกฝ่าย พร้อมย้ำให้สบายใจได้ว่าไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบเรื่องอธิปไตยเหนือตัวปราสาทอยู่แล้ว กลุ่มเพื่อนดนตรีจิตอาสาจากกรุงเทพฯ อดรนทนไม่ได้ที่เห็นกัมพูชายั่วยุบ่อยครั้ง จึงนัดกันแต่งชุดธีมลายพรางทหาร เพื่อแสดงความเป็นพวก ให้กำลังใจทหาร พร้อมโชว์ลูกคอในบทเพลง […]

“สีกากอล์ฟ” ปฏิเสธข้อหารีดทรัพย์-ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ อ้างแค่ยืมเงิน

กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – รอง ผบก.ป. ระบุ “สีกากอล์ฟ” ปฏิเสธข้อหารีดเอาทรัพย์-ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ อ้างแค่ยืมเงิน และขอความร่วมมือ ไม่ได้บังคับ เผยแผนประทุษกรรม หวังได้มาซึ่งเงินเลี้ยงดู ยังพบทำคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมขบวนการ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการสอบปากคำ “สีกากอล์ฟ” อายุ 35 ปี ในส่วนของคดีข่มขืนใจและรีดเอาเงินทิดแหล่ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ระบุว่า ทางกองปราบฯ ได้แจ้งข้อหากับสีกากอล์ฟไป 2 ข้อหา คือข้อหารีดเอาทรัพย์ และทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ซึ่งสีกากอล์ฟให้การปฏิเสธ โดยประเด็นเรื่องเงินที่ตำรวจกล่าวหาว่า มีการขู่เอาเงินจากทิดแหล่ ถ้าไม่ให้เงินจะเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์แล้วจะทำให้ถูกปลด สีกากอล์ฟอ้างว่า ไม่ได้ขู่แบล็กเมล์เพื่อเอาเงินเป็นเพียงแค่ขอยืมไปจ่ายค่าเช่ารถ ส่วนข้อกล่าวหา เรื่องทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ที่ให้ทิดแหล่ เขียนร้องเรียนเจ้าคุณอาชว์นั้น สีกากอล์ฟ อ้างว่า ไม่ได้บังคับให้เขียนร่างหนังสือแค่ขอให้ช่วยเฉย ๆ ทั้งนี้ เรื่องของความสัมพันธ์ จากการสอบปากคำ สีกากอล์ฟให้การทั้งกับความสัมพันธ์ ผู้เสียหายคือ ทิดแหล่ และพระรูปอื่นๆ ด้วย […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เผย “สมเด็จพระสังฆราช” รับสั่งสังคายนากฎหมายสงฆ์

วัดราชบพิธฯ 17 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “สมเด็จพระสังฆราช” รับสั่งสังคายนากฎหมายสงฆ์ เพิ่มความเข้มกฎหมายเก่า ชี้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นส่วนน้อยทำพระพุทธศาสนาเสื่อม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้าเฝ้าถวายเครื่องสักการะเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2568 แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ณ วัดราชบพิธสถิต ว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงประทานพรให้เรามุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ ท่านก็ต้องการความร่วมมือกันของทุกฝ่าย และประเด็นที่สำคัญคือ การไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา ท่านบอกว่า ให้จัดการได้เต็มที่ หากผิดปาราชิกก็ต้องทำไปตามวินัยที่มีอยู่ และขณะนี้มีการพูดคุยกันว่า ฝ่ายพลเรือน พยายามที่จะขออนุญาตออกกฎระเบียบ ซึ่งท่านก็เห็นพ้องต้องกันกับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ว่าอยากให้นำกฎหมายเก่ามาดู และเพิ่มความเข้มงวด หากจะเขียนอะไรลงไปก็ให้เต็มที่ อย่าให้พระพุทธศาสนามีความเสื่อม และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเฉพาะจุด โซเชียลพูดถึงไกลไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเคร่งครัด และหากมีการแก้กฎหมายแล้วให้หารือที่มหาเถรสมาคม แต่ถือว่าพระองค์ท่านให้เป็นหลักแล้วว่าให้ดำเนินการให้เข้มงวด ส่วนที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกมาระบุว่า เตรียมเปิดคดีใหม่มีพระในระดับชั้นสมเด็จเข้าไปเกี่ยวข้องแต่ไม่เกี่ยวกับคดีสีกากอล์ฟ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ได้ฟังจากสื่อ คิดว่าตอนนี้ได้คุยกับพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง […]