กทม. 22 มี.ค.-“อภิสิทธิ์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้าย ขอประชาชนอย่าลังเล 24 มีนาคม ให้เลือกเดินไปกับพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นำการเมืองออกจากวงจรอุบาท
พรรคประชาธิปัตย์ จัดเวทีปราศัยใหญ่โค้งสุดท้าย ที่ลานคนเมือง โดยมีขุนพลแกนนำพรรค ขึ้นเวที ขอคะแนนเสียงโค้งสุดท้าย ย้ำชู อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี เช่นนายชวน หลีกภัย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายกรณ์ จาติกวณิชย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และคนรุ่นใหม่ ไอติม พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ขอเสียงคนรุ่นใหม่กว่า 7 ล้านคน เลือกพรรค ปชป. โดยขอให้พิจารณาว่าอยากเห็นอะไร ระหว่างความสะใจชั่วครู่ กับความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน เพราะตนเองพอแล้วกับรักแรกพบ แต่พร้อมสำหรับคู่ชีวิตจึงขอพิจารณาพรรคประชาธิปัตย์เป็นคู่ชีวิต
ขณะที่นายชวน กล่าวถึงนโยบายต่างๆที่พรรค ปชป. ทำสมัยเป็นรัฐบาล ระบุบ้านเมืองมีปัญหาไม่ใช่เพราะคนไม่มีความรู้ แต่เกิดจากคนโกง ขณะที่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย มาฟังปราศรัย
โดยก่อนนายอภิสิทธิ์ ขึ้นเวทีปราศรัย ได้เปิดจดหมายรักและความในใจ ระบุมีความสำนึกตลอดเวลาว่าที่มาอยู่บนเวทีและในการเมือง ถือเป็นบุญคุณจึงขอตอบแทนด้วยการทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา ตนเองหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.มาเป็นครั้งที่ 9 ครั้งนี้ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าเราออกไปพบปะกับประชาชนไม่ว่าภาคไหนได้สัมผัสถึงความทุกข์ของประชาชนที่ และวันนี้มีพรรคการเมืองเดียวที่ตอบโจทย์เป็นรูปธรรม และได้ประกาศนโยบายต่างๆ ก่อนพรรคอื่น หากมีโอกาสเข้าไปบริหารประเทศ ก็สามารถทำงานได้ทันที โดยไม่ต้องสแกนอะไรอีกแล้ว เพราะมีแผนงานครบ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางแก้ปัญหาสินค้าเกษตร ยาพารา ปาล์ม แก้ปัญหาประมง เนื่องจากเป็นนโยบายที่ทำได้จริง และพิสูจน์มาแล้ว
ขณะที่นโยบายของผู้ใช้แรงงาน พรรคก็มีคำตอบที่ชัดเจน แต่พรรคการเมืองอื่นกลับนำไปเล่นสนุกเพิ่มตัวเลข จึงอยากให้ประชาชนดูนโยบายของพรรคการเมืองก่อนตัดสินใจ เพราะหากเพิ่มค่าแรงได้จริง ก็คงไม่ปล่อยให้ประชาชนทุกขฺ์สาหัสรมตลอด 5 ปี
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันไม่มีพรรคสาขา ไม่มีนอมินี เป็นพรรคเดียวตรงไปตรงมา ไม่เหมือนพรรคที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ที่เมื่อตนเองประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และการสืบทอดอำนาจ ก็มีการโจมตี จึงขอเรียกร้องประชาชนอย่าเอาความโกรธ ความเกลียด เผด็จการ แล้วกระโจนเข้าไปสถาปนาตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย ในทางกลับกัน อีกฝ่ายหนึ่งเล่นกับความกลัว นำความกลัวของคนที่มีต่อระบอบทักษิณมาเล่น และอ้างว่าต้องตัวเองเท่านั้น บ้านเมืองจึงจะสงบ พยายามใช้อำนาจรัฐมาใช้เพื่อความได้เปรียบกับตัวเอง
พร้อมยืนยันไม่มีปัญหาความขัดแย้งกับ พล.อ.ประยุทธ์ และขอบคุณที่เคยทำงานให้สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี และที่ผ่านมา ก็พอใจกับความสงบที่เกิดขึ้นแต่หลังเลือกตั้ง ไม่มีคำสั่ง ม.44 พลเอกประยุทธ์ จะรับมือกับพรรคการเมืองไม่ได้ พร้อมยกตัวอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์ ถูกรุมอยู่ในขณะนี้ แต่ก็สู้ไม่ถอยและสู้ได้ ดังนั้น อย่าไปประเมินว่าเอาอยู่ และสุดท้าย พลเอกประยุทธ์ จะทนกับพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ จึงขอประชาชนอย่าลังเล เดินไปด้วยกัน ตนเองทราบดีการประกาศจุดยืนขัดใจและทำให้กับผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สบายใจ หมั่นไส้ ก็น้อมรับทุกคำวิจารณ์ แต่ในฐานะที่อยู่การเมืองมา 27 ปี ต้องการนำประเทศออกจากวงจรอุบาท ตรงกันข้าม ถ้าตนเองประนีประนอมก็จะไม่ลำบาก มีคนเสนอตำแหน่งทางการเมืองให้ แต่ไม่สามารถบอกกับตัวเองถึงความฝันตอนอายุ 9 ขวบ ที่ต้องการเข้ามาเล่นการเมือง
ขอประชาชนไม่ต้องลังเล ไม่ต้องเกรงใจ ตนและพรรคประชาธิปัตย์จะพาบ้านเมืองไปสู่ประชาธิปไตยด้วยความเข้มแข็ง 24 มีนาคม อย่าไปเลือกด้วยอารมณ์โกรธหรือกลัว แต่ให้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและบ้างเมือง และพรรคประชาธิปัตย์พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หมดเวลาเผด็จการ หมดเวลาคนโกง ถึงเวลาประชาธิปไตยสุจริต เดินไปด้วยกันกับพรรคประชาธิปัตย์.-สำนักข่าวไทย