พีทีทีจีอี ยันคดีปาล์มอินโดฯ โปร่งใส

กรุงเทพฯ 22 มี.ค. – พีทีทีจีอี ยันคดีปาล์มอินโดฯ ยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส เป็นไปตามการชี้แจง ป.ป.ช.


นายสุพจน์ เหล่าสุอาภา ประธานกรรมการ บริษัทปตท. กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (พีทีทีจีอี) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีคำสั่งรับฟ้องคดีที่นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางรสยา เธียรวรรณ ผู้บริหารพีทีทีจีอี เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 4 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอเรียนชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงการรับเอกสารคำฟ้องไว้ทางธุรการเท่านั้น ซึ่งศาลยังไม่ได้ประทับรับฟ้องแต่อย่างใด

นอกจากนี้ในข่าวยังระบุว่านางรสยา เธียรวรรณ นำเงินหรือทรัพย์สินไปติดสินบนกับพยานรายหนึ่งที่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อให้ถ้อยคำบิดเบือนข้อเท็จจริงในคดีทุจริตปาล์มน้ำมันอินโดฯ อันเป็นการสร้างพยานหลักฐานเท็จนั้น ขอยืนยันว่าที่ผ่านมา นางรสยา เธียรวรรณ ให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช. ทั้งด้านการสอบสวนและสนับสนุนข้อมูลอย่างถูกต้องทุกขั้นตอนตามกฎหมายและเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย อันเป็นการยึดมั่นปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance: CG) ของบริษัทฯ อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด และจากการชี้แจงของ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2562 จะเห็นว่าการสอบสวนพยานเป็นการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุอันควรเชื่อว่านางรสยา เธียรวรรณ จะกระทำการติดสินบนพยานตามที่ปรากฏเป็นข่าว


ทั้งนี้ สำหรับกรณีคดีทุจริตโครงการลงทุนธุรกิจปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซียของพีทีทีจีอี มีที่มาจากการที่ ปตท. ได้ตรวจพบหลักฐานความผิดปกติในการลงทุนโครงการดังกล่าว จึงได้มีการส่ง ป.ป.ช. และดำเนินการลงโทษทางวินัยซึ่งเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ของกลุ่ม ปตท. พร้อมกับที่คณะกรรมการ ปตท. พิจารณายกเลิกการลงทุนและให้ดำเนินการขายทรัพย์สิน เพื่อรักษาประโยชน์ขององค์กร

โดย พีทีทีจีอี และ ปตท. ได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 1. คดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหาย มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท อันเป็นมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการลงทุนของพีทีทีจีอี ซึ่งส่งฟ้องศาลแพ่งไปตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2558 2. คดีอาญาที่คณะกรรมการ ปตท. มีมติให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาเมื่อเดือนมกราคม 2556 โดยปัจจุบันเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล และ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพีทีทีจีอี อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล โดยเฉพาะศาลแพ่งได้มีคำสั่งมิให้มีการเผยแพร่ข้อมูล พีทีทีจีอี และ ปตท. จึงต้องเคารพคำสั่งศาลอย่างเคร่งครัด


ดังนั้น หากบุคคลใดล่วงละเมิด มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือ กล่าวอ้างข้อมูลในคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล พีทีทีจีอี และ ปตท. จะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อให้หยุดการกระทำอันสร้างความเสียหายให้แก่ ปตท. พนักงาน ผู้บริหาร อดีตผู้บริหารของพีทีทีจีอี และ ปตท. ต่อไป . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง