ไปรษณีย์หลักสี่ 18 มี.ค. -กกต.ตรวจมาตรฐานคัดแยก-ส่งบัตร สยบคำครหาไม่โปร่งใส พร้อมส่งหนังสือถึงพรรคการเมืองให้ส่งผู้แทนร่วมติดตามขบวนรถขนส่งบัตร
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พร้อมด้วยกรรมการการเลือกตั้งอีก 6 คน นำสื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์การคัดแยกบัตรลงคะแนนล่วงหน้า ที่ศูนย์ปฏิบัติการการคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ส. เพื่อจัดส่งด้วยรถขนส่งไปรษณีย์ไปยัง 350 เขตเลือกตั้งปลายทาง โดยมีนางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทยจำกัด (ปณท.) และนายมานพ ศรวิบูลย์ศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการนครหลวง ปณท. อธิบายขั้นตอนการคัดแยกบัตรด้วยเครื่องคัดแยกอัตโนมัติ (OCR) และยังถูกตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำซ้ำอีก 2 ครั้งจากเจ้าหน้าที่ของ ไปรษณีย์ไทย ซึ่งผลัดเวรกัน 3 ชุด ทำหน้าที่คัดแยกบัตรตลอด 24 ชม. เพื่อจัดส่งบัตรเลือกตั้งไปยังเขตเลือกตั้งปลายทางก่อนวันที่ 24 มี.ค.นี้ สำหรับพื้นที่ชั้นในถูกกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุม ผู้ที่จะเข้ามาปฏิบัติงานซึ่งจะเข้าถึงซองบรรจุบัตรเลือกตั้งจะต้องมีบัตรผ่านและถูกตรวจสอบด้วยระบบยืนยันตัวตนอย่างรัดกุม
นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขา กกต. กล่าวถึงการเลือกตั้งนอกเขต ขณะนี้มาครบเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือเพียงแค่เกาะสมุยที่จะส่งมาถึงพรุ่งนี้ ส่วนบัตรนอกราชอาณาจักรเหลือเพียงบัตรที่ลงระบบไปรษณีย์ ซึ่งจะมาถึงไม่เกินวันที่ 22 มี.ค.โดยเมื่อมาถึงแล้วไปรษณีย์จะทำการคัดแยก และจะเริ่มขนส่งบัตรไปยัง 350 เขต
“เลขาธิการ กกต.จะมีหนังสือไปยังทุกพรรคการเมือง ว่าหากพรรคไหนจะส่งตัวแทนมาสังเกตการณ์การคัดแยกและการส่งบัตรสามารถแจ้งชื่อผู้แทน และมาร่วมสังเกตการณ์ผ่านโทรทัศน์วงจรปิดที่สำนักงานไปรษณีย์หลักสี่ได้ และสามารถขับรถตามรถขนส่งบัตรไปตามสถานที่ต่างๆได้ เพราะจะมีตำรวจและระบบจีพีอาร์เอส ดูความเคลื่อนไหวไม่ให้ออกนอกเส้นทาง”นายณัฏฐ์ กล่าว
นายณัฏฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีการใช้สิทธิครั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือที่ต้นขั้วบัตรว่า ตามกฎหมายจะให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเซ็นต์ชื่อที่ต้นขั้วบัตร เว้นแต่พิการ เขียนหนังสือไม่เป็นจึงจะให้พิมพ์ลายนิ้วมือ แต่กรณีออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา กกต.ขณะนั้นใช้เรื่องการพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นกิมมิกหรือจุดขายเพื่อเชิญคนออกมาออกเสียงประชามติ โดยต้นขั้วบัตรที่มีลายนิ้วมือหรือลายเซ็นจะถูกส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบกรณีที่มีปัญหา แต่ปกติในการเลือกตั้งการให้เซ็นต์ที่ต้นขั้วอย่างเดียวไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาการยืนยันตัวตนการมาใช้สิทธิ เพราะการเซ็นชื่อสามารถตรวจสอบได้เช่นเดียวกับลายนิ้วมือ
นายณัฏฐ์ กล่าวถึงกระแสตำหนิกกต.เรื่องเจ้าหน้าที่แจกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าผิดเขตให้กับผู้มาใช้สิทธิโดยยังยืนยันว่าเราต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน การจะบอกว่ากรรมการประจำหน่วยบังคับว่ารับบัตรผิดก็ให้ลงคะแนนไปนั้น เห็นว่าเจ้าของสิทธิต้องรักษาสิทธิของตนเอง ณ ขณะนั้น ในเชิงระบบไม่มีใครจะมาบังคับได้นอกจากเราสมยอม และเมื่อกาบัตรและหย่อนลงหีบแล้วจะให้ไปเปิดหีบในเชิงระบบเราต้องปล่อยให้เดินต่อไป จะให้เปิดหีบออกมาไม่ได้ เพราะไม่รู้ซองไหนผิด ถ้าจะเปิดต้องเป็นเหตุจำเป็นจริงๆในระหว่างการลงคะแนน
“การที่มีคนพูดว่าให้เอาเหตุการณ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียและการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 17 มี.ค.มาเป็นบทเรียนการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นั้น มันเป็นหนังคนละเรื่องกัน เพราะวันที่ 24มี.ค.จะไม่มีบัตรของเขตอื่น คนที่ออกมาพูดบางครั้งก็สะท้อนว่ามีความรู้ในสิ่งที่พูดหรือไม่ วันนี้คุณเป็นคนไทยต้องรู้จักรักษาสิทธิตัวเอง ถ้ารู้ว่าบัตรผิดต้องเอาบัตรที่ถูกของเรากลับมาให้ได้ จะมาบอกว่าคุณบังคับให้ฉันลงไม่ได้ ไม่มีใครบังคับได้นอกจากสมยอม”นายณัฏฐ์กล่าว
รองเลขา กกต. ยังชี้แจงว่า ข้อกังวลที่ว่าจะมีการนำบัตรนอกเขต นอกราชอาณาจักรหรือบัตรปลอมมาเพิ่มในวันที่ 24 มี.ค.นั้น บัตรแต่ละแบบแยกสีชัดเจน มีรหัสควบคุมของตัวเอง 5 ชุดและมีเลขาธิการ กกต.กำหนดและรู้เพียงคนเดียว กกต.อยากจะผลิตเป็นบัตรเฉพาะแต่มีต้นทุนสูง แต่ก็พยายามแยกด้วยสี
ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของ กกต. ในโซเชียลมีเดียหากพบว่ามีการบิดเบือนใส่ร้ายหรือเจตนาเพื่อสร้างกระแสจะให้ฝ่ายกฎหมายของ กกต.ดำเนินคดี ส่วนกรณีมีคลิปซื้อเสียงที่จังหวัดอุบลราชธานี ทางผู้อำนวยการเลือกตั้งจังหวัดอุบลราชธานี ได้แจ้งว่า เป็นเรื่องที่สั่งรับไว้สืบสวนสอบสวนไว้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
สำหรับกรณีตรวจพบการกระทำอาจส่อทุจริตการเลือกตั้งในจังหวัดสมุทรสงคราม เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ได้สั่งให้พนักงานสืบสวนสอบสวนไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้นเข้าใจว่ามาใช้สิทธิ์ครั้งแรกและหยิบเอาบัตรเลือกตั้งเข้าไปในคูหาทั้งเล่ม เมื่อนำไปกาเสร็จแล้วก็นำมาส่งให้เจ้าหน้าที่ แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวยังไม่เป็นที่สิ้นสุด ต้องรอฟังผลจากชุดสืบสวนสอบสวนเสียก่อน
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการพิจารณาคุณสมบัติของ กกต.กรณีเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า น่าจะเป็นพรุ่งนี้(19มี.ค.)ที่ฝ่ายกฏหมายจะทำความเห็นเพราะขณะนี้ยังไม่ได้รับความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษากฏหมาย.-สำนักข่าวไทย