อย.14 มี.ค.- ยังสับสน ผู้ป่วยต่างจังหวัดแจ้งครอบครองกัญชาที่ อย.เป็นจำนวนมาก ย้ำให้แจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เฉพาะกรุงเทพฯ แจ้งที่ อย. ชี้การแจ้งผิดที่ทำให้เสียเงินค่าเดินทาง เสียเวลา และไม่เป็นไปตามที่กำหนดในประกาศฯ
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (เลขาธิการ อย.) เปิดเผยว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดรับแจ้งการครอบครองกัญชา แต่ในขณะนี้พบว่า มีผู้ป่วยจากต่างจังหวัดเข้าใจคลาดเคลื่อนและได้เดินทางมาแจ้งครอบครองกัญชาที่ อย. กันเป็นจำนวนมาก จึงขอเน้นย้ำว่าสำหรับผู้ป่วยที่อยู่ต่างจังหวัด ขอให้แจ้งที่จังหวัดซึ่งตนอาศัยอยู่
กรณีเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำมันกัญชา ที่ใช้เพื่อรักษาโรคหรืออาการ ต้องเตรียมหนังสือรับรองของแพทย์ซึ่งระบุโรคและอาการของโรค และเลขที่ใบประกอบวิชาชีพของแพทย์ พร้อมทั้งกัญชาที่ใช้ในการรักษาตนเองด้วย
นอกจากผู้ป่วยแล้ว กรณีผู้ที่มีคุณสมบัติตามมาตรา 26/5 ก็ต้องแจ้งการครอบครอง ณ สถานที่เช่นเดียวกับกรณีผู้ป่วย หากมีการครอบครองพืชกัญชา เจ้าหน้าที่จะต้องลงไปตรวจสอบต้นกัญชาในพื้นที่นั้นด้วย ดังนั้น จึงขอให้แจ้งให้ถูกที่จะได้ไม่เสียเวลา และเตรียมเอกสารหลักฐานให้พร้อม โดยต่างจังหวัดแจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และกรุงเทพฯ แจ้งที่ศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ (One Stop Service Center : OSSC) ชั้น2 อย.
เลขาธิการ อย.กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลของกรมการแพทย์ โรคที่ได้รับการยอมรับว่ากัญชาได้ประโยชน์ในการรักษา ได้แก่ ภาวะคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด โรคลมชักที่รักษายากในเด็กและโรคลมชักที่ดื้อยา ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง และภาวะปวดประสาทที่ใช้วิธีการรักษาอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล การใช้กัญชาในการรักษาโรคต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากกัญชามีฤทธิ์ต่อจิตและประสาท มีผลข้างเคียง เช่น ประสาทหลอน หวาดระแวง และความบกพร่องเรื่องความจำ
สำหรับการแจ้งครอบครองกัญชาเป็นการดำเนินการตามมาตรา 22 แห่งพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่7) พ.ศ.2562 ขอให้แจ้งข้อเท็จจริงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อประโยชน์ในการติดตามตรวจสอบและเป็นประโยชน์ต่อผู้แจ้งเอง อย่างไรก็ตามหากพ้นวันที่ 19 พ.ค.2562 ผู้ที่ไม่มาแจ้งการครอบครองกัญชา จะมีความผิดตามกฎหมาย .-สำนักข่าวไทย