11 มี.ค. – เตรียมทบทวนราคาน้ำมันปาล์มขวดสะท้อนต้นทุน ด้านเอกชนหนุนผลิตรถยนต์ยูโร 5 ลดมลพิษ
กระทรวงพาณิชย์เตรียมปรับราคาน้ำมันปาล์มขวด เพื่อการบริโภคให้เป็นราคาสะท้อนต้นทุนขึ้นลงทุกเดือน ส่วนการลงทุนขนาดใหญ่ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์พร้อมผลิตรถยนต์มาตรฐานยูโร 5 และหนุนผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินเพิ่มเพื่อกระจายความเสี่ยงด้านเชื้อเพลิง
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และห้างสรรพสินค้า ให้จำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดให้สอดคล้องกับราคาผลปาล์มดิบ โดยเห็นว่าราคาเพดานอ้างอิงที่ขวดละ 42 บาท ในปัจจุบัน ซึ่งใช้มายาวนานเป็นราคาที่ไม่เหมาะสมกับราคาวัตถุดิบ จึงเห็นว่า ไม่ควรมีการกำหนดเพดานราคาจำหน่ายปลีกแนะนำน้ำมันปาล์มอีกต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง และไม่ควรใช้เพดานราคาดังกล่าวเป็นราคาอ้างอิง แล้วมาระบุว่าเป็นการจัดโปรโมชั่นเพื่อลดราคา ซึ่งราคาที่เหมาะสมในขณะนี้ควรอยู่ที่ขวดละ 30 บาท แต่ผู้ขายบางแห่งขายราคานี้โดยระบุว่า ลดราคาจากปกติถึง 12 บาท โดยจะพิจารณาทบทวนเป็นประจำทุกเดือนหรือทุกครั้งที่ต้นทุนเปลี่ยนแปลง โดยราคาขายควรจะผันแปรขึ้นลงตามราคาวัตถุดิบ ผลพลอยได้ ค่าใช้จ่ายและสถานการณ์แต่ละช่วงเวลา และจะไม่มีการกำหนดเพดานราคาขายปลีกแนะนำน้ำมันปาล์มอีกต่อไป
ส่วนกรณีการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบมาผลิตไฟฟ้า เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรนั้น ขณะนี้ผู้เสนอขายน้ำมันปาล์มดิบ 160,000 ตัน เพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย นำไปผลิตครบแล้ว มีผู้เสนอขาย 31 ราย โดยกำหนดราคาผลปาล์มดิบที่กิโลกรัมละ 3-3.25 บาท ซึ่งจังหวัดที่รับซื้อสูงสุด คือ สุราษฎร์ธานีและชุมพร 3.25 บาทต่อ กก. และรับซื้อให้ครบตามสัญญาภายใน 60 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการนำน้ำมันปาล์มดิบ ออกจากระบบ 160,000 ตัน จะทำให้สตอกคงเหลือ 210,000 ตัน และหากมีการเร่งการใช้ B20 เพิ่มขึ้นจะยิ่งช่วยดูดซับได้เพิ่มขึ้นส่วนมาตรการดูแลราคาผลปาล์มสดระยะยาว จะต้องเร่งเพิ่มสัดส่วนการใช้ B20 เพราะปัจจุบัน ไทยผลิตน้ำมันปาล์มดิบปีละ 3 ล้านตัน บริโภคในประเทศ 1.2 ล้านตัน หากใช้ทำพลังงานทดแทน 1.5 ล้านตันตามเป้าหมาย ทำให้สตอกคงเหลือระดับปกติประมาณกว่า 200,000 ตัน ซึ่งจะไม่มีปัญหาด้านราคาแต่อย่างใด
ด้านการผลิตไฟฟ้าของประเทศการเป็นที่คาดว่า ร้อนๆ อย่างนี้ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มร้อยละ 2 ทำให้กิจการไฟฟ้ายังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และดีลใหญ่ที่คุยกันมายาวนาน ก็ใกล้เสร็จสิ้นนั้น คือ ดีลซื้อขายโรงไฟฟ้าระหว่าง GPSC ที่เข้าซื้อหุ้นโกลว์พลังงานจาก Engie ผู้ลงทุนจากฝรั่งเศส ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. เห็นชอบให้เกิดการซื้อขายแล้ว และทางจีพีเอสซีและเอนจี้ก็ได้ลงนามข้อตกลงในการปรับราคาขายเป็น 91.9906 บ./หุ้น จากเดิม 94.892 บ./หุ้น หรือใช้เงินกว่า 90,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ให้เสร็จสิ้นต่อไป
อีกหนึ่งความเห็นของผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชน นายสุธี สุขเรือน ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่าแม้แผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาวของประเทศหรือพีดีพี 20 ปีจะได้รับความเห็นชอบแล้ว แต่หากมองถึงการกระจายความเสี่ยงเชื้อเพลิงไฟฟ้า ก็น่าจะพิจารณาส่งเสริมให้เกิดโรงไฟฟ้าถ่านหินบีแอลซีพีโรงที่ 2 ที่จังหวัดระยอง กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งต้นทุนก่อสร้างจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำเพราะมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับพร้อมแล้ว ในขณะที่เทคโนโลยีใหม่ก็จะสามารถดูแลด้านสิ่งแวดล้อมได้ด้วย และจากความต้องการไฟฟ้าของเวียดนามที่พุ่งสูงขึ้นรวมทั้งโอกาสด้านพลังงานทดแทนทั้งในจีนและญี่ปุ่นทางบ้านปูเพาเวอร์ก็มั่นใจว่ากำลังผลิตในปี 2568 จะได้สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 4,300 เมกะวัตต์
ส่วนการลงทุนผลิตรถยนต์ที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ในวันนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจับมือ 11 บริษัทผู้ผลิตและนำเข้ารถยนต์รวม 12 ยี่ห้อ แสดงเจตจำนงยกระดับผลิตรถยนต์สู่มาตรฐานยุโรประดับที่ 5 หรือ Euro 5 ในปี 2564 ซึ่งจะช่วยทำให้ลดมลพิษโดยเฉพาะฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ลงได้กว่าร้อยละ 20-25 อย่างไรก็ตาม การลงนามในวันนี้ ทางฮอนด้า ฟอร์ด และจีเอ็ม ไม่ได้มาร่วมแสดงเจตจำนง โดยฟอร์ดและจีเอ็มให้เหตุผลว่า บริษัทแม่ในต่างประเทศยังไม่ตอบกลับ ในขณะเดียวกัน กระทรวงอุตสาหกรรม ยังมีแผนที่จะให้ปรับมาตรฐานสู่ Euro 6 ภายในปี 2565
ส่วนการต่อขยายรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-หลักสอง บริเวณหนองแขม จำนวนรวม 11 สถานีนั้น มีคำยืนยืนยันจาก นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.ว่า ขบวนรถจะเดินทางมาถึงเมืองไทย เดือน เม.ย.นี้ โดยจะทดสอบกับระบบราง ถึงเดือนกรกฎาคม หลังจากนั้นจะเปิดทดลองให้ประชาชนใช้ฟรีเป็นเวลา 2 เดือน หลังจากนั้นก็เก็บเงิน ถือว่าเป็นการเปิดบริการเชิงพาณิชย์อย่างเต็มตัว ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งมั่นใจจะมีผู้โดยสารกว่า 500,000 คน/วัน .- สำนักข่าวไทย