กรมอนามัย 3 มี.ค..-กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะประชาชนในช่วงหน้าร้อนให้สังเกตการบูดเน่าของอาหาร โดยการดูและดม หากพบผิดปกติควรเลี่ยง โดยเฉพาะ ขนมจีน แกงกะทิ เพราะเสี่ยงบูดเสียง่าย เน้นบริโภคอาหารปรุงสุกใหม่ๆ
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ช่วงหน้าร้อนประชาชนต้องใส่ใจในเรื่องความสะอาดของอาหารและน้ำดื่มเป็นพิเศษ เนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้นทำให้เชื้อโรคที่ปนเปื้อนในอาหารเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้หลายเมนูอาหารอาจบูดเสียได้ง่ายและเสี่ยงต่อการเกิดโรคอาหารเป็นพิษ หรือโรคอุจจาระร่วงตามมา เช่น อาหารที่ปรุงสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารที่ปรุงด้วยกะทิ ขนมจีน อาหารบรรจุถุง นอกจากนี้หากมีอาหารเหลือระหว่างมื้อควรใส่ภาชนะที่สะอาด มีฝาปิด เก็บไว้ในตู้เย็น ในเบื้องต้นหากจะรับประทานอาหารอะไรควรสังเกต ลักษณะที่เปลี่ยนไปด้วยการดูและดม เช่น มีฟองอากาศ กลิ่นเหม็นบูด รสชาติเปรี้ยวผิดปกติก็ไม่ควรนำมารับประทาน น้ำดื่มหากเป็นน้ำประปาควรมีกลิ่นคลอรีนซึ่งบ่งบอกว่ามีการฆ่าเชื้อโรคเพียงแค่นำมาใส่ภาชนะทิ้งไว้ 30 นาทีกลิ่นคลอรีนก็จะหายไปหรือน้ำต้มเดือดหรือเลือกดื่มน้ำที่บรรจุขวดที่ได้มาตรฐานมีเลข สาระบบอาหาร (อย.) ส่วนน้ำแข็งต้องเป็นน้ำแข็งสำหรับบริโภคที่ได้มาตรฐานมีเลขสาระบบอาหาร (อย.) เช่นเดียวกัน
“อาหารที่ปรุงเสร็จหากยังไม่รับประทานทันทีควรใส่ในภาชนะที่สะอาด มีฝาปิดหรือมีการปกปิด วางให้สูงจากพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร หากเก็บไว้นานเกิน 2-4 ชั่วโมง ควรนำมาอุ่นให้เดือดก่อนนำมารับประทาน ส่วนอาหารที่ไม่สามารถอุ่นได้ เช่น ยำ พล่า ควรปรุง ประกอบในปริมาณเท่าที่จะรับประทานเท่านั้น ไม่ควรทำทิ้งไว้นานๆ และยึดหลักกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เพื่อลดความเสียงจากโรคอุจจาระร่วงและอาหารเป็นพิษ ซึ่งจากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2561 ทั่วประเทศพบผู้ป่วย โรคอุจจาระร่วง 209,470 ราย และโรคอาหารเป็นพิษ 19,807 ราย โดยอาการของผู้ป่วยจะคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระ คอแห้งกระหายน้ำ และอาจมีไข้ หากอาการไม่รุนแรงควรให้สารละลายเกลือแร่หรืออาหารเหลวมากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ หากอาการต่างๆ ไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย