สั่งขยายผลผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการค้าสัตว์ป่าตลาดหล่มสัก

เพชรบูรณ์ 2 มี.ค.- หน่วยพญาเสือนำกำลังบุกจับขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่ากลางตลาดหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ สุดสะเทือนใจ สัตว์ป่าถูกถลกหนัง สับเป็นชิ้นๆ ล่าสุด สั่งการให้มีการขยายผลผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งขบวนการ ซึ่งขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงพบข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว


เมื่อคืนนี้เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจขึ้นอีกครั้ง เมื่อหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า หรือหน่วยพญาเสือ ประสานกำลังกับเจ้าหน้าที่สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาค้อ ตำรวจภูธรหล่มสัก ตรวจสอบซากสัตว์ป่าหลายชนิดจำนวนมาก หลังจากการข่าวที่ติดตามกลุ่มขบวนการแจ้งว่า จะมีการนำสัตว์ป่าจำนวนมากมาลักลอบจำหน่ายบริเวณตลาดหล่มสัก กำลังเจ้าหน้าที่จึงปูพรมดักซุ่ม จนกระทั่งพบรถยนต์เป้าหมายจำนวน 3 คัน จึงแสดงตัวเข้าจับกุม


ตรวจพบซากอีเห็น 2 ตัว ไก่ป่า 26 ตัว ตุ่น 25ตัว พญากระรอก และกระรอกนับ 100 ตัว หนังเก้ง 10 ชิ้น และกบทูดประมาณ 10 กิโลกรัม และอื่นๆ อีกจำนวนมากบรรจุในลังน้ำแข็ง และเป็นชิ้นเนื้อบรรจุในถุง ตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นเนื้อเก้ง เนื่องจากพบเศษเส้นขนติดบริเวณเนื้อ และจับกุมผู้กระทำผิดได้ 3 คน เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ อ้างว่ารับซื้อมาจากชาวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงร้องทุกข์กล่าวโทษ นำส่งสถานีตำรวจภูธรหล่มสักเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ชาวบ้านย่านนั้นบอกว่า มีการนำสัตว์ป่า มาวางขายที่ในตลาดเทศบาล 1 อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ อยู่เป็นประจำ โดยจะนำมาขายทุกวันที่ 1 และวันที่ 16 ของทุกเดือน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ค้าขายลอตเตอรี่ในพื้นที่ จ.เลย


สำหรับขบวนการล่าสัตว์ป่าขบวนการนี้ เจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวมานาน จนสามารถจับกุมได้พร้อมของกลางและผู้ต้องหาจำนวนมาก ส่วนซากสัตว์ป่า เจ้าหน้าที่จะส่งไปยังหน่วยนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากสัตว์ป่าที่ยึดได้ถูกชำแหละแล้ว จึงไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ใด ล่าสุด สั่งการให้มีการขยายผลผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งขบวนการ ซึ่งขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงพบข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว

ด้านนายชัยชาญ ศรียงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า จากการข่าวพบการล่าสัตว์ป่าเพื่อมาขายในช่วงวันที่ 1 และ วันที่ 16 หรือวันหวยออก โดยพรานป่าจะรวมตัวกันล่าสัตว์และนำมาแช่แข็งไว้จำหน่าย เพราะที่ตลาดหล่มสักเป็นทางผ่านของพ่อค้าลอตเตอรี่ที่จะมาจับจ่ายซื้อสัตว์ป่าไปทำอาหาร

นายชัยชาญ กล่าวว่า ยังไม่สามารถชี้ชัดว่ามีใบสั่งล่าสัตว์มาจำหน่ายจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่สนธิกำลังกันกดดันพรานป่าที่ลักลอบล่าสัตว์อย่างเข้มข้น อย่างไรก็ตาม อยากวอนประชาชนให้เลิกค่านิยมการบริโภคสัตว์ป่า เพราะนอกจากเป็นสิ่งผิดกฎหมายผู้ครอบครองซากสัตว์ต้องถูกปรับแล้ว ยังเป็นการทำลายสัตว์ป่าสงวนที่มีคุณค่าของชาติ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง