กรุงเทพฯ 27 ก.พ. – ธปท. ยืนยันมาตรการ LTV ที่จะเริ่มใช้ 1 เม.ย.นี้ ช่วยสกัดดีมานด์เทียม ช่วยให้ประชาชนซื้อที่อยู่อาศัยอยู่จริงในราคาที่เป็นธรรม ป้องปรามแบงก์อย่าให้สินเชื่อเกินมูลค่าหลักประกัน
ในงานสัมมนา “จับสัญญาณเสี่ยง ออกกฎคุมสินเชื่ออสังหาฯ” นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า การออกมาตรการให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ที่จะเริ่มใช้วันที่ 1 เม.ย.นี้ จะช่วยลดดีมานด์เทียมทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแท้จริง สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ในราคาที่เหมาะสม
นายรณดล ย้ำว่า ประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริง จะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการที่ ธปท. ออกมา เพราะถ้าซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกหรือสัญญาเงินกู้ฉบับแรก ไม่ต้องวางเงินดาวน์ เนื่องจาก ธปท. ยังกำหนดสัดส่วน LTV ไว้ที่ 100% โดยผู้ขอสินเชื่อกลุ่มนี้มีสัดส่วน 89% ของจำนวนสินเชื่อทั้งหมด
แต่สำหรับผู้กู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยมากกว่า 2 สัญญาขึ้นไป กำหนดให้ผู้ที่ผ่อนสัญญาแรกไปแล้วเกิน 3 ปีขึ้นไป หากจะซื้อบ้านในสัญญาที่สองต้องวางเงินดาวน์อย่างน้อย 10% หรือมี LTV ที่ 90% และ กลุ่มที่สาม คือ กลุ่มที่ซื้อบ้านในราคาสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป คือผู้ซื้อระดับบน มีฐานะการเงินที่ดี ธปท.กำหนดให้วางเงินดาวน์ 30% หรือมี LTV ที่ 70%
“การออกมาตรการกำกับสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพราะที่ผ่านมา สถาบันการเงินมีการหย่อนเกณฑ์การให้สินเชื่อ ให้สินเชื่อที่เกินมูลค่าหลักประกัน ทำให้ต้องมีการป้องปราบ และป้องกัน เพราะหากดูในอดีต พบว่าฟองสบู่ที่เกิดขึ้น จุดเริ่มต้นมาจาก ภาคอสังหาริมทรัพย์” นายรณดล กล่าว
นายรณดล ย้ำว่า วัตถุประสงค์หลักของการออกมาตรการ คือเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมด้านเสินเชื่อที่ดี ให้ผู้กู้ออมก่อนกู้ มีวินัยทางการเงิน โดยต้องมีการวางดาวน์ก่อนซื้อที่อยู่อาศัย ช่วยให้ประชาชน ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยจริงๆซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม และสุดท้ายเป็นการยกระดับ การให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน ป้องกันการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อที่รุนแรงเกินไป ช่วยลดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจเพื่อการป้องกัน
ขณะที่ภาพรวมการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่าเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะมาตรฐานการให้กู้ ที่แบงก์เริ่มมีการระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะผู้กู้สัญญา ที่ 2-3 ขึ้นไป รวมถึงการปล่อยสินเชื่อที่เกินมูลค่าหลักประกัน เหล่านี้เริ่มเห็นสัญญาณลดลง
ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) และ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปรับสมดุล หลังจากที่เจอปัญหาเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มาตราการ LTV การขึ้นดอกเบี้ย และถูกดิสทรัปจากเทคโนโลยี ซึ่งยอมรับว่ามาตรการนี้กระทบต่อผู้ต้องการที่อยู่อาศัย แม้จะชะลอความร้อนแรงของราคาอสังหาริมทรัพย์ได้ แต่ผู้กู้บ้านต้องวางเงินดาวน์อย่างน้อย 10 % ซึ่งการหาเงินดาวน์ดังกล่าวของผู้กู้ระดับล่าง ไม่ใช่เรื่องง่าย และ ยังต้องเตรียมวงเงินเพิ่มเติมสำหรับเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ในครัวเรือน และค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนอง อีกด้วย ซึ่งจะเพิ่มค่าใช้จ่ายประมาณร้อยละ 10-15 ดังนั้นจึงมองว่ามาตรการนี้จะทำให้คนมีที่อยู่อาศัยยากขึ้น สวนทางกับนโยบายภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมให้คนที่มีอยู่อาศัย และ ออกโครงการบ้านล้านหลัง .-สำนักข่าวไทย