กทม. 25 ก.พ. – นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการประชุมระดับรัฐมนตรีไตรภาคียางระหว่างประเทศ (ITRC) สมัยพิเศษ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่อาวุโส เพื่อร่วมกันหาแนวทางการรักษาเสถียรภาพราคายางอย่างยั่งยืน โดยมีมาตรการเบื้องต้น ประกอบด้วย
1.มาตรการจำกัดปริมาณการส่งออกยางของ 3 ประเทศ รวมจำนวน 200,000 – 300,000 ตัน
2.มาตรการหาวิธีเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศให้เพิ่มขึ้น
3.มาตรการการบริหารจัดการผลผลิตในประเทศ โดยการลดพื้นที่ปลูกยางพาราไปปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน (Supply Management Scheme : SMS)
4.มาตรการด้านตลาด โดยการจัดทำตลาดยางพาราร่วมกันระหว่างภูมิภาค (Regional Rubber Market : RRM) เพื่อซื้อขายยางพาราล่วงหน้า
และ 5.การตั้งสภายางพาราแห่งอาเซียน (ASEAN Rubber Council : ARC) เพื่อเป็นเวทีให้ทั้ง 3 ประเทศ มาพูดคุยหารือกันในประเด็นยางพารา ไม่ว่าจะเป็นการแปรรูปยางพารา การศึกษาค้นคว้า งานวิจัย หรือเวทีและเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ทั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคระดับสูงจากทั้ง 3 ประเทศ จะหารือรายละเอียดอีกครั้งในวันที่ 4 มีนาคมนี้ ที่จังหวัดสงขลา
สำหรับประเทศไทยได้กำหนดนโยบายและแนวทางการแก้ปัญหาราคายางทั้งนโยบายระยะสั้น และระยะยาว ได้แก่ การจัดทำโครงการพัฒนาอาชีพแก่เกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงระหว่างที่ราคายางพาราตกต่ำ โดยเชิญชวนและรับสมัครเกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศที่สนใจเข้าร่วมโครงการฝากน้ำยางไว้กับต้นยาง หรือหยุดกรีดยางเป็นเวลา 1-2 เดือน การส่งเสริมและเร่งรัดการใช้ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราในประเทศมากขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยเริ่มจากหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐ เพื่อให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์ วัสดุ ครุภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างที่มีส่วนผสมของยางพาราเพิ่มมากขึ้น เช่น บล็อกยางปูพื้น ยางปูสนามฟุตซอล และถนนยางพาราแอสฟัลต์ติกคอนกรีต
นอกจากนี้ โครงการเร่งด่วนที่ผลักดันให้มีการดำเนินในปัจจุบัน ได้แก่ การสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศสร้างถนนยางพารากว่า 75,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ โดยมีการสร้างถนนที่มีส่วนผสมของยางพาราในอัตราหมู่บ้านละ 1 กิโลเมตร เพื่อดูดซับน้ำยางออกจากระบบตลาด และเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศ ขณะเดียวกันได้เชิญชวนบริษัทเอกชนทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนผลิต และแปรรูปยาง โดยให้มีสิทธิพิเศษทางการลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้เกษตรกรขายยางพาราได้ในราคาสูงขึ้น โดยน้ำยางสดและน้ำยางข้นเฉลี่ยที่กิโลกรัมละ 40 บาท
สำหรับราคายางแผ่นรมควันที่ตลาดกลาง กยท. ทั้ง 6 แห่ง กิโลกรัมละ 45- 46 บาท หากเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 50 บาทต่อกิโลกรัม จะเป็นจุดคุ้มทุนของเกษตรกร ซึ่งไตรภาคียางต้องการให้ราคายางมีเสถียรภาพเกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้มั่นคง. – สำนักข่าวไทย