แพทย์ชี้คางคกมีพิษ แนะไม่ควรนำมาทาน

กรมควบคุมโรค 30 ส.ค.- นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่ชาวบ้านใน จ.น่านรับประทานคางคก จนมีผู้เสียชีวิต และอาการสาหัส ว่า จริงๆแล้วคางคกไม่สัตว์ที่ควรนำมารับประทาน เพราะธรรมชาติสัตว์ชนิดนี้มีพิษเอาไว้ป้องกันตัว ซึ่งพิษจะอยู่บริเวณข้างคอ ซึ่งในกรณีที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเพราะผู้ปรุงรสไม่ได้มีความเชี่ยวชาญ พิษจึงยังคงตกค้าง ส่วนผู้ที่ทานเนื้อไก่ที่ปิ้งในตะแกรงปิ้งเดียวกันกับคางคกจนมีอาการคลื่นไส้อาเจียน นั้น น่าจะมีสาเหตุมาจากการนำเนื้อไก่ไปล้างหรือปรุงพร้อมกันจนพิษไปตก ค้างในเนื้อ ซึ่งพิษของคางคกนั้น มีความรุนแรงค่อนข้างมาก เพราะพิษจะเข้าสู่หัวใจ ซึ่งพิษที่มีผลต่อหัวใจจะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ไม่เกิน 30 นาทีจะมีอาการชัดเจน เริ่มตั้งแต่อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และท้องร่วง รวมถึงอาจมีอาการสับสน วิงเวียน บางคนแพ้มากจะเกิดอาการความรู้สึก สติจะเปลี่ยนแปลง มีอาการชัก หมดสติ ที่สำคัญคือ หัวใจจะเต้นช้าลง ผิดจังหวะ จนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว


ส่วนคำแนะนำสำหรับผู้ที่ยังต้องการกินคางคก ต้องทำอย่างไรจึงจะปลอดภัย นพ.โอภาส กล่าาว่า ตามหลักการแล้วถ้ารู้ว่าสิ่งใดมีพิษก็ไม่ควรทานตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็น คางคก ปลาปักเป้า แมงป่อง แมงมุมต่างๆ

ยากที่จะบอกว่ากินอย่างไร ทำอย่างไรให้ปลอดภัยจากพิษ ส่วนตัวเข้าใจว่ากบ และคางคกก็คงมีรสชาติไม่ต่างกัน ฉะนั้นกินกบน่าจะปลอดภัยกว่า ต่อให้กินคางคกแล้วร่างกายจะไม่เป็นอะไร ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีพิษ เพราะแต่ละตัวพิษมีปริมาณต่างกัน ฉะนั้นเลิกกินดีกว่า ถ้ารู้ว่าอะไรมีพิษก็ไม่ควรกิน นพ.โอภาส กล่าว


ส่วนวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากพบว่าคนที่ทานด้วยมีอาการผิดปกติ อาทิ คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืดให้รีบหยุดกินทันที และทำให้ผู้ป่วยอาเจียนเอาสิ่งที่กินออกมาให้เร็วที่สุด และรีบนำตัวส่ง รพ.และหลีกเลี่ยงการทานร่วมกับแอลกอฮอลล์เพราะจะยิ่งส่งผลให้พิษเข้าสู่หัวใจได้เร็วขึ้น ส่วนยารักษาอาการขณะนี้ยังไม่มียาที่รักษาอาการพิษคางคกโดยตรง เพียงแต่มียารักษาแก้พิษในลักษณะใกล้เคียงกันเท่านั้น และ รพ.ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สำรองยาชนิดนี้ไว้ด้วย เพราะพบผู้ป่วยน้อย และยาไม่ได้มีทั่วไป รวมทั้งมีราคาแพง

ทั้งนี้ สถิติผู้ป่วยที่เกิดจากการกินคางคกมีจำนวนไม่มากนักจากข้อมูลสถิติเฉลี่ยพบปีละ 2-3 ราย ส่วนสัตว์พิษที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือปลาปักเป้า และแมงกระพรุน เฉลี่ยปีละ 10 กว่าราย ส่วนพืชพิษที่ยังพบมากที่สุดยังเป็นเห็ดพิษ ทุกรายที่พบจะเสียชีวิตแทบทุกรายเฉลี่ยปีละประมาณ 100 ราย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก